"เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง" เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการขายครั้งใหญ่ รุกขยายช่องทางร้านค้าปลีก เทรดิชันนอลเทรด และร้านค้าท้องถิ่น จับมือ Local Distributor 14 รายในไทยเป็นพันธมิตร เสริมแกร่งยอดขายในประเทศ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างยอดขายและกำไรควบคู่กัน เน้นหัวใจหลักในการต่อยอดและขยายพอร์ตโฟลิโอของเถ้าแก่น้อย เตรียมสานต่อกลยุทธ์ “GO Broad” ต่อยอดขยายฐานธุรกิจ พัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยได้ร่วมมือกับ Local Distributor จำนวน 14 ราย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดปัจจุบัน ซึ่งการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ เป็นการกระจายสินค้าของเถ้าแก่น้อยในเชิงลึกมากขึ้น ผ่าน Local Distributor Partner (ผู้แทนจำหน่ายในท้องถิ่น) ช่วยขยายช่องทางจำหน่ายหลากหลายกลุ่ม ทั้งร้านค้าแบบดั้งเดิม หรือ Traditional Trade (TT) เช่น ร้านโชห่วย ช่องทางร้านค้าท้องถิ่น Local Modern Trade (MT) เช่น ซูเปอร์มาร์เกตท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น และช่องทาง Open Trade (OT) ซึ่งคล้ายกับร้านโชห่วย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองการเติบโตภายหลังร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ คือการร่วมกันสร้างการเติบโตแบบแข็งแกร่งและมีคุณภาพ สิ่งสำคัญคือ ทั้ง TKN และพาร์ตเนอร์ต้องเติบโตแบบยั่งยืน พร้อมนำเสนอนวัตกรรม (Innovations) ใหม่ๆ เพื่อสร้างยอดขายและกำไรควบคู่กัน รวมถึงต้องมีความสุข นับเป็นโจทย์ที่เราต้องทำร่วมกันกับพาร์ตเนอร์
“เราไม่สามารถเติบโตคนเดียวได้ ต้องมีพาร์ตเนอร์ในประเทศที่แข็งแกร่งและเก่งด้วย เราจึงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการตลาดครั้งใหญ่ จับมือกับ Local Distributor ทั้ง 14 เจ้าในไทย ร่วมกันสร้างการเติบโต โดยเรามองทุกคนเป็นพาร์ตเนอร์มากกว่า Distributor ถือว่าทุกคนเป็นหนึ่งในครอบครัวของเถ้าแก่น้อย ทุกคนนำผลิตภัณฑ์ของเราไปขายต้องขายได้ ขายดี และพร้อมให้การสนับสนุนพาร์ตเนอร์ พร้อมรับฟังและช่วยแก้ไขปัญหา เพื่อเติบโตไปพร้อมกัน” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจสาหร่าย และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนสามารถทำยอดขายได้กว่า 5,000 ล้านบาท วิธีการบริหารงานคือต้องยอมรับความจริง รับฟังความจริง นำปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไข และอดทนให้สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยิ่งวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ลดลง 20-30% สิ่งที่ทำได้คือต้องหางานให้ทุกคนทำ โดยบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การดำเนินงาน “3 GO” และสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ “GO Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับแผนงานในอนาคต และหลังจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ต่อไปคือ “GO Broad” หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ มุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ซึ่งจะทำให้มียอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ได้วางคอนเซ็ปต์คือ “ใหม่ กว้าง มีคุณค่า” เป็นหัวใจหลักในการต่อยอดและขยายพอร์ตโฟลิโอของเถ้าแก่น้อยมากขึ้น โดย “ใหม่” หมายถึง การมองเห็นโอกาสของธุรกิจสาหร่ายที่เป็น Seaweed Snacks ถือเป็นสิ่งใหม่ๆ ในตอนนั้น และต่อยอดให้เกิดการขยายธุรกิจ “กว้าง” โดยผลิตภัณฑ์สาหร่ายได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักและสามารถเจาะเข้าสู่ Niche Market ขยายทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันได้ขยายตลาดกว่า 40 ประเทศ และในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งสร้าง “คุณค่า” (Value) ของผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้ง 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มคนที่ชอบกินของอร่อยที่มีคุ้มค่า แต่ไม่เน้นคุณค่าของอาหารมาก คือเน้นกินสนุกเป็นหลัก และ 2) กลุ่มคนที่ชอบกินอาหารที่อร่อย มีประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร (Food Innovation) ในอนาคตเพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น
นายพิศาล ธาราพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารรายได้ TKN กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มองว่าช่องทางเทรดิชันนอลเทรด ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากกับสินค้าขนมสาหร่าย แต่จำเป็นต้องทำตลาดแบบเชิงรุก และลึกเพื่อให้ได้ร้านค้าเพิ่มเติมให้มากขึ้น การใช้ Distributor Partner ถือเป็นมิติใหม่ของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อปรับรูปแบบช่องทางร้านค้าปลีกให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้สินค้าของเถ้าแก่น้อยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด การมีสินค้าจำหน่ายในร้านค้าทั้งกว้างและลึกเป็นเรื่องที่สำคัญที่บริษัทเล็งเห็น ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มการเข้าถึงมากขึ้น ตั้งเป้าโต 2 หลักในปีหน้า
สำหรับภาพรวมการเติบโตของธุรกิจสาหร่ายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ตลาดขนมสาหร่ายเติบโตดีมากอยู่ที่เกือบ 20% ขณะที่เถ้าแก่น้อยเติบโตดีกว่าตลาด และมีส่วนในการขับเคลื่อนตลาดนี้มาโดยตลอด ในช่วงครึ่งปีหลัง ได้ทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และจัดกิจกรรมการตลาดอย่างหลากหลายในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มทอด กลุ่มย่าง และกลุ่มอบ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะที่ผ่านมาได้ออกสินค้าในกลุ่มสาหร่ายอบ ภายใต้คาแร็กเตอร์ BT21 ของวง BTS ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ล่าสุด TKN สามารถเป็นผู้นำตลาดสาหร่ายอันดับ 1 ได้ในทุกๆ กลุ่ม ทั้งทอด อบ และย่าง พร้อมดันพอร์ตสาหร่ายให้เติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 ด้วยการเข้าถึงผู้บริโภคให้หลากหลายและครอบคลุม ในปัจจุบัน TKN มีส่วนแบ่งตลาดสาหร่ายอยู่ที่ 64% และ ในช่องทาง Traditional Trade นับเป็นหนึ่งในช่องทางที่มีโอกาสในการเติบโตของผลิตภัณฑ์สาหร่ายได้อีกมาก