นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 170,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.70 บาท โดยในส่วนของการเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 28-30 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของ UBA ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร และเป็นบริษัทรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทย
ขณะเดียวกัน การกำหนดราคาเสนอขายในครั้งนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับประมาณ 15.7 เท่า โดยเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า UBA ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ
"UBA ถือเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นสาธารณูปโภคที่มีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี ขณะเดียวกัน มีฐานะเป็นผู้นำธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจร และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ 3 ปีย้อนหลัง (ปี 62-64 ) เติบโตเฉลี่ยปีละ 69% และงวดเก้าเดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวม 553.50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.82 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีระดับหนี้สินต่อทุน (DE) ต่ำในระดับ 1.03 เท่า"
การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 170,000,000 หุ้น มีสัดส่วนการเสนอขายหุ้นประกอบด้วย การเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน UBA (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 15,300,000 หุ้น คิดเป็น 2.55% และผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.สยามอีสต์โซลูชั่น (SE) ไม่เกิน 10,200,000 หุ้น คิดเป็น 1.70% ขณะที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปไม่เกิน 144,500,000 หุ้น คิดเป็น 24.08%
นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UBA กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจรรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 289 ล้านบาทเตรียมนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับโอกาสจากการเติบโตของอุตสาหกรรม เงินลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System ) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
"บริษัทมั่นใจในการสร้างการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีจุดแข็งทั้งงานโครงการที่เป็น Backlog ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่ากว่า 1,422 ล้านบาท รวมถึงแผนการขยายงานในอนาคตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลูกค้ารายหลัก โดยในการรับงานประมูลของ กทม. ที่มีแผนก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และขยายอุโมงค์ระบายน้ำ รวมทั้งมีกลุ่มลูกค้าเอกชนจะมีงานออกมาให้ประมูลอีกมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียมากขึ้น ยังส่งผลให้บริษัทมีโอกาสสร้างรายได้และอัตรากำไรสุทธิที่ดีให้ผู้ถือหุ้น โดยในงวด 9 เดือนปี 65 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 64 ที่ 86.65% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 32.54% ขณะที่ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น" นายสมชาติ กล่าว