xs
xsm
sm
md
lg

Bitkub ยืนตามคำสั่ง ก.ล.ต. ยอมจ่ายค่าปรับร่วม 24 ล้านบาท กรณีสร้างดีมานด์เทียมปั่นราคาเหรียญในกระดาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสกลกรย์ สระกวี ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
"Bitkub" ยอมจ่ายค่าปรับตามคำสั่ง ก.ล.ต. รวมกว่า 24 ล้านบาท กรณีสร้างปริมาณเทียมปั่นราคาเหรียญ หลอกลวงนักลงทุน พร้อมห้าม "สกลกรย์-อนุรักษ์" ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และดำรงตำแหน่งผู้บริหารและกรรมการในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 12 เดือน

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดจำนวน 3 ราย คือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด นายอนุรักษ์ เชื้อชัย และนายสกลกรย์ สระกวี เป็นเงินรวมกว่า 24,161,292 บาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 65 ผ่านมา

ต่อมา ผู้กระทำผิดทั้ง 3 รายได้ปฎิบัติตามประกาศก.ล.ต. จึงได้ทำหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมทั้งสิ้น 24,161,292 บาท กำหนดห้ามนายอนุรักษ์และนายสกลกรย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยให้นายสกลกรย์ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบริษัทบิทคับอย่างลูกหนี้ร่วม

ล่าสุด รายงานข่าวจากสำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่า ผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย ได้ตกลงยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งกำหนด โดยชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 8,000,000 บาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงานในการตรวจสอบรายละ 53,764 บาท รวม 8,053,764 บาท รวมทั้ง 3 รายเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 24,161,292 บาท


พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.สั่งห้ามนายสกลกรย์ สระกวี และนายอนุรักษ์ เชื้อชัย ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.65 ถึงวันที่ 21 พ.ค.66 ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.65 ถึงวันที่ 21 พ.ย.66

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บิทคับ) โดยนายสกลกรย์ สระกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบิทคับ ได้ทำสัญญาให้นายอนุรักษ์ เชื้อชัย ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และได้ให้นายอนุรักษ์ยืมเงินเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า ในเดือนก.พ. 62 นายอนุรักษ์ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC) Bitcoin Cash (BCH) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองในศูนย์ซื้อขาย Bitkub

การจับคู่ซื้อขายกันเองในแต่ละเหรียญดังกล่าว มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 84 – 99 ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของนายอนุรักษ์ และตั้งแต่ร้อยละ 57 – 99 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด โดยบริษัทบิทคับและนายสกลกรย์รับทราบถึงการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายของนายอนุรักษ์ แต่ไม่ได้มีการทักท้วงการส่งคำสั่งซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของนายอนุรักษ์ดังกล่าว

โดยการกระทำของบริษัทบิทคับ และนายอนุรักษ์ เป็นความผิดฐานส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกัน เป็นความผิด 4 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ)

ขณะที่นายสกลกรย์ มีความผิดในฐานะเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทบิทคับ สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัทบิทคับกระทำความผิดในกรณีข้างต้น ซึ่งต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 94 ประกอบมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกัน เป็นความผิด 4 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ) ดังนั้น ก.ล.ต. จึงได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดจำนวน 3 รายดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น