Robert Kiyosaki เจ้าของหนังสือแนะนำการลงทุนบันลือโลก "พ่อรวยสอนลูก" เผยยังคงเชื่อมั่นในคริปโตสองอันดับแรกโดยเฉพาะ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งมีมูลค่าแม้ว่า จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติ FTX
จากการเปิดเผยของ finbold ระบุถึง Robert Kiyosaki ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้จัดรายการวิทยุ iHeart และ Mark Moss ผู้เขียน 'Uncommunist Manifesto' ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ลงทุนใน FTX ซึ่งเกิดวิกฤติล่มสลายลงในขณะนี้ และทำให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรม crypto ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขากล่าวว่า “ผมยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin แต่ไม่ถือว่าเงินและในส่วนของสินทรัพย์ใน ETF เป็นสิ่งเดียวกัน และ Bitcoin เองก็ไม่เหมือนกับ ส่วน Sam Bankman-Fried เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหากับ FTX ”
อย่างไรก็ตามจากการเปิดเผยข้อมูลของ Kiyosaki เขาระบุว่าผู้คนจำนวนมากในช่วงอายุเดียวกับเขาไม่สนใจคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดวิกฤตเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งแตกต่างกับเขาที่ยังคงยืนยันความเชื่อมั่นไม่เสื่อมคลาย
“ผมยังคงชอบ Bitcoin ผมไม่ได้ต่อต้านมันเหมือนที่หลายๆ คนในประเภทเดียวกันในกลุ่มอายุของผมเป็น เพราะผมคิดว่า Bitcoin นั้นแข็งแกร่ง จริงๆ แล้วผมสนใจบล็อกเชนมากกว่า และผมก็เป็นคนนึงที่ถือครอง Ethereum”
ความผิดพลาดของ FTX ยังคงทำให้เกิดความโกลาหลในอุตสาหกรรม
ปัญหาที่แพร่หลายในตลาด crypto เริ่มต้นหลังจากการแลกเปลี่ยน crypto ของ Sam Bankman-Fried หยุดการถอนเงินของลูกค้าโดยอ้างถึงปัญหาสภาพคล่อง ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้น โทเค็นการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ส่วนใหญ่ประสบปัญหาราคาลดลงอย่างมาก รวมถึง BTC และ ETH โดยล่าสุดในช่วงเวลาปัจจุบัน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $15,699 โดยทำลายแนวรับก่อนหน้านี้ที่ $15,800 และปรับตัวร่วงลง 2.07% ในวันเดียวกันและ 7.13% ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้จากราคาปัจจุบัน ยังแสดงถึงการขาดทุนสะสม 18.19% ในแผนภูมิรายเดือนของ Bitcoin ในขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 301.7 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูล Finbold และ CoinMarketCap จากข้อมูลสถิติล่าสุด ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน
ในขณะเดียวกัน Kiyosaki ยังคงเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน crypto ที่เป็นแกนนำมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin (BTC) ซึ่งตามที่เขายืนยันในการสัมภาษณ์ ซึ่งเขาเปิดเผยว่าเขาได้เข้าซื้อ BTC ในราคาประมาณ 6,000 ดอลลาร์ และยังคงถือครองอยู่จวบจนกระทั่งปัจจุบัน แม้ว่าสถานการณ์ตลาดกำลังเลวร้ายอย่างหนักก็ตาม