แสนสิริยกระดับติดตั้งทั้ง Solar Roof และ EV Charger 100% ให้เป็นโมเดลมาตรฐานในบ้านทุกรูปแบบ ทุกเซกเมนต์ ผลักดันสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero เป็น "ศูนย์" ในปี 2050 เดินหน้าสร้าง “Smart Green-Energy Living Ecosystem” การอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบ วัสดุบ้านจากโรงงานพรีคาสต์สีเขียว บ้านพลังงานสะอาดจากโซลาร์ เดินทางใช้ EV Charger เผยติดตั้ง Solar Roof 100% กว่า 600 หลัง ในบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทุกหลัง และ EV Charger 100% ติดตั้งในโครงการใหม่บ้านเดี่ยวระดับบน 300 หลัง เผยลูกบ้านแสนสิริกว่า 31 โครงการ มีส่วนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศแล้วกว่า 1,477 ตันคาร์บอน เทียบปลูกต้นไม้ 106,974 ต้น เซฟเงินค่าไฟกว่า 21 ล้านบาท ต่อปี
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้แสนสิริเดินหน้ารุกเป้าพันธกิจ Net-Zero อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง โดยเป็นอสังหาฯ ที่สร้าง “Smart Green-Energy Living Ecosystem” การอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งลูกบ้านแสนสิริมีส่วนร่วมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการซื้อบ้านแสนสิริทุกโครงการใหม่แล้วกว่า 31 โครงการในปีนี้ จากต้นทางจนถึงปลายทางที่ใช้พลังงานสะอาดภายในบ้าน เริ่มต้นจากวัสดุบ้านที่ผลิตจากโรงงานพรีคาสต์สีเขียวของแสนสิริ ซึ่งเป็นโรงงานสีเขียวแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่แทบจะมี Waste เป็นศูนย์
บ้านพลังงานสะอาด จากโซลาร์ติดตั้ง Solar Roof 100% ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร ไอออน เอนเนอร์ยี่ เพื่อใช้พลังงานสะอาดในการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในการเดินทาง พร้อมยกระดับติดตั้งทั้ง Solar Roof และ EV Charger 100% ให้เป็นโมเดลมาตรฐานในทุกโครงการใหม่ของบ้านทุกรูปแบบ ทุกระดับเซกเมนต์ที่เริ่มติด EV Charger ในคอนโดมิเนียมมาแล้วกว่า 10 ปี และติดตั้งมากที่สุดในวงการอสังหาฯ กว่า 50 โครงการ รวมจำนวนกว่า 580 หัวชาร์จ เพื่อผลักดันสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี 2050 และการสร้าง Low-Energy Home บ้านต้นแบบที่เตรียมนำร่องเปิดตัวในช่วงต้นปี 2566
ในปี 2565 นี้ แสนสิริติดตั้ง Solar Roof 100% ในบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทุกหลัง ทุกระดับเซกเมนต์คืบหน้าแล้ว 600 หลัง ในกว่า 31 โครงการ โดยติด Solar Roof ขนาด 1.84 kW ตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท รวมจำนวน 427 หลัง และบ้านเดี่ยวระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป รวมจำนวนทั้งสิ้น 173 หลัง ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนแล้วกว่า 967 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 64,474 ต้น และช่วยประหยัดเงินค่าไฟให้ลูกบ้านและค่าส่วนกลางได้แล้วกว่า 7.6 ล้านบาทต่อปี คาดภายในปี 2566 สามารถติดตั้งได้รวม 2,100 หลัง หรือคิดเป็นกว่า 30% จากเป้า 6,600 หลัง ภายใน 3 ปี (2566-2568) ที่บ้านเดี่ยวแสนสิริทุกหลัง คอนโดมิเนียม และพื้นที่ส่วนกลางทุกโครงการใหม่ของแสนสิริติดตั้ง Solar Roof ได้ครบ 100%
โดยในปี 2566 ตั้งเป้าติด Solar Roof เพิ่มในพื้นที่คลับเฮาส์ทุกโครงการใหม่จำนวน 48 โครงการ และติดในส่วนกลางของคอนโดมิเนียมใหม่กว่า 60 โครงการ ด้าน EV Charger แสนสิริติดตั้งคืบหน้าแล้วกว่า 300 หลัง ในบ้านเดี่ยวทุกหลังในโครงการระดับบน จำนวนกว่า 14 โครงการ ช่วยลูกบ้านประหยัดค่าน้ำมันแล้วรวมกว่า 13.14 ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศแล้วกว่า 510 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 42,500 ต้น ตั้งเป้าภายใน 3 ปี สามารถติดตั้ง EV Charger ได้เพิ่มกว่า 2,100 หลัง รวมถึงขยายผลติดในส่วนกลางคอนโดฯ ใหม่รวม 68 โครงการ และติดในส่วนกลางคอนโดฯ เก่า กว่า 100 โครงการ รวมจำนวน 1,000 หัวชาร์จ ซึ่งจะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 3,570 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 297,500 ต้น และจะช่วยประหยัดเงินค่าไฟให้ลูกบ้านและค่าส่วนกลางได้มากถึง 92 ล้านบาทต่อปี
นายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด (ION Energy) ผู้นำด้านจัดหาโซลูชันพลังงานโซลาร์ครบวงจร เผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Roof ในกลุ่มที่อยู่อาศัยมีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ราคาของการติดตั้ง Solar Roof ถูกลง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าไฟที่ราคาต่อหน่วยสูงขึ้นถึง 4.72 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นถึง 6 บาทภายใน 3 ปีข้างหน้า (ข้อมูลจากธนาคารทหารไทย) ซึ่งจะยิ่งทำให้การติด Solar Roof ถึงจุดคุ้มทุน (Break-even) เร็วขึ้นได้ภายในระยะเวลาเพียง 4-5 ปี
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เผยว่า 12.6% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทั่วโลกมาจากภาคการเดินทางและขนส่ง ดังนั้น เทรนด์ของการใช้รถ EV Car ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากดีมานด์ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมุ่งสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero ร่วมกันกับแสนสิริ SHARGE ได้ยกระดับการติดตั้ง EV Charger ในทุกโครงการของแสนสิริ ด้วยการนำมาตรฐานการติดตั้งระบบ EV Charger ที่ได้จากการจับมือกับแบรนด์ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BYD หรือปอร์เช่ มาปรับใช้พัฒนา user-experience ใน ecosystem ของฟังก์ชัน SHARGE ใน Sansiri Home Service Application ด้วย Customer Insight จากฐานข้อมูลผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนกว่า 10,000 คัน