ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปลื้มนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่แสดงความเชื่อมั่นต่อธนาคารและ “ตราสารเงินกองทุน” ทำให้สามารถเสนอขายตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนประเภทที่ 2 เมื่อช่วงวันที่ 3-16 พฤศจิกายน 2565 ด้วยมูลค่ารวมทั้งสิ้น 16,540 ล้านบาท ตามมูลค่าที่ตั้งเป้าไว้ ประกาศความพร้อมเดินหน้าเป็น “พันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ” และชูธงการเป็นผู้นำนวัตกรรมทางการเงินและองค์ความรู้ด้าน ESG เพื่อความยั่งยืน
การออกตราสารเงินกองทุนของธนาคารกรุงศรีอยุธยา สร้างความสนใจให้กับผู้ลงทุนตั้งแต่เริ่มเปิดตัว เพราะเป็นการออกโดยธนาคารพาณิชย์ที่มีความมั่นคง และตราสารที่ออกก็มีความน่าเชื่อถือสูง โดยตราสารเงินกองทุนชุดนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA(tha) จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565
ในด้านความแข็งแกร่งมั่นคงนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า D-SIB ซึ่งในประเทศไทยมีธนาคารที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-SIBs จำนวน 6 แห่ง นั่นหมายความว่า ธนาคารในกลุ่มนี้จะต้องมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มากเป็นพิเศษ เพราะมีธุรกรรมเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินอื่นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการให้บริการพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญในปริมาณสูง ทั้งเงินให้สินเชื่อ เงินฝาก การโอนเงินชำระเงิน และมีผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ฝากเงิน เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในระบบเศรษฐกิจไทย ยังเป็นสถาบันการเงินในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟ เจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,400 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 170,000 คน โดย MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ ยิ่งไปกว่านั้น MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก”
สำหรับตราสารเงินกองทุนชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทด้อยสิทธิ และไม่มีประกัน ไม่มีผู้แทนผู้ถือตราสารเงินกองทุน ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ออกครั้งนี้ มีอายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2575 โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.30 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
ทั้งนี้ ธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนตราสารเงินกองทุนก่อนกำหนดได้ ณ วันครบรอบ 5 ปี หรือวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยใดๆ หลังจากนั้น และมีข้อกำหนดให้สามารถตัดเป็นหนี้สูญ (ทั้งจำนวนหรือบางส่วน) หากทางการตัดสินใจเข้าช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ออกตราสารเงินกองทุน
ในด้านของฐานะการเงินของกรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีสินเชื่อรวม 1.97 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.71 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.59 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ที่ 297.13 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.62% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.99%
ด้านผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 23.32 พันล้านบาท เติบโต 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.44% จาก 3.23% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการบริหารจัดการโครงสร้างและต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของธนาคาร
ทั้งนี้ กรุงศรี ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG เพื่อส่งเสริมการเติบโตของตลาดการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทย โดยได้เตรียมแนวทางและผลิตภัณฑ์ด้านสังคม (Social) และการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่พร้อมให้การสนับสนุนกับลูกค้า เช่น สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน และ หุ้นกู้ ESG รวมถึงการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ เช่น โซลาร์รูฟ (Solar Roof)
กรุงศรี พร้อมให้คำปรึกษาทางธุรกิจโดยทีมผู้จัดการความสัมพันธ์ซึ่งผสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานภายในกรุงศรี เพื่อตอบโจทย์การเป็น Trusted Partner หรือพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจเป็นพันธมิตรกับกรุงศรี สามารถติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ทุกสาขา