"สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง" เครือสหพัฒน์ พร้อมเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ “กองรีท HYDROGEN” วันที่ 21-25 พฤศจิกายนนี้ เปิดโอกาสให้ร่วมลงทุนในคลังสินค้าและโรงงาน ในโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา กบินทร์บุรี แม่สอด และโครงการไทเกอร์สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง รวม 4 โครงการ คาดประมาณการอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรกอยู่ที่ 7.0% คาดกองรีทฯ พร้อมเข้าเทรดธันวาคมนี้
นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เผยว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัทฯ ได้แบ่งปันโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ จึงจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไฮโดรเจน หรือ Hydrogen Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (HYDROGEN) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผูกพัน แบ่งปัน มั่นคง” เพื่อเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง และสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในโรงงานภายในโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา กบินทร์บุรี และแม่สอด รวมทั้งสิ้น 4 โครงการ
บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพของทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการที่กองรีทฯ จะเข้าลงทุนดังกล่าว เนื่องจากอยู่บนทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของการขนส่งสินค้าและภาคการผลิต สามารถเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงจะได้รับประโยชน์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนที่ทยอยฟื้นตัวจากนโยบายเปิดประเทศและผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง ส่งผลดีต่อความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานเพื่อขยายกิจการและเพิ่มกำลังการผลิต
นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮโดรเจน รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองรีท HYDROGEN กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการที่กองรีท HYDROGEN จะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่ โครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ลาดกระบัง และโครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชา กบินทร์บุรี และแม่สอด มีจุดเด่นหลากหลาย ได้แก่ 1) โรงงานและคลังสินค้าที่มีมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสูง รองรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบใช้งานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เช่า 2) มีผู้เช่ากระจายตัวจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น โลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซ สินค้าอุปโภคบริโภค และส่วนใหญ่เป็นคู่ค้าหรือบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่เช่าพื้นที่มาเป็นระยะเวลานาน 3) มีระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการครบครัน โดยในปี 2564 โครงการสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา และกบินทร์บุรี ได้รับรางวัล “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” (Eco Industrial Town) หรือเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผ่านเกณฑ์ระดับที่ 5 Happiness ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และ 4) บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ซึ่งมีประสบการณ์บริหารโครงการสวนอุตสาหกรรมมากว่า 47 ปี จะเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองรีทฯ
ขณะที่ผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาส 2/2565 ของทรัพย์สินทั้ง 4 โครงการ มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 99.20% แสดงถึงศักยภาพและการต่อสัญญาจากผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 แต่อัตราการเช่าพื้นที่ทุกโครงการยังคงอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ กองรีทยังมีโอกาสเติบโตจากการขยายการลงทุนในทรัพย์สินโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (ให้เช่า) หรืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัยในอนาคต เช่น ศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า อาคารโรงงาน คลังห้องเย็น ดาต้าเซ็นเตอร์ พื้นที่เก็บของให้เช่า โดยมุ่งเน้นคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตแก่กองรีทฯ
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การลงทุนในกองรีทถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผล และมีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น โดยกองรีท HYDROGEN นับเป็นการเปิดโอกาสให้ร่วมลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของเครือสหพัฒน์ สะท้อนจากอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงและทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคการขนส่งและการผลิต จึงมีความต้องการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกองรีทฯ ประมาณการอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 7.0% อ้างอิงช่วงเวลาประมาณการระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2566
ทั้งนี้ การเข้าลงทุนครั้งแรกของกองรีทฯ มีมูลค่ารวมไม่เกิน 2,845.34 ล้านบาท โดยจะมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 2,077.20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจากมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน ล่าสุดพร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์ของกองรีท HYDROGEN ในวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2565 ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้ร่วมจัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะนำหน่วยทรัสต์เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้