นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ รวมถึงค่าเงินบาทมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริหารต้นทุน และยอดกำไร-ขาดทุนของการค้าในแต่ละครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวนประมาณ 4,700 ราย ที่ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และต้องทำธุรกรรมการเงินเพื่อซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ตลอด และพบว่าผู้ประกอบกบลุ่มดังกล่าวประมาณ 60% ยังไม่ได้จองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์นี้ รวมถึงเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องเป็นแกนหลักสำคัญในการบริหารงานต้องมาคอยสังเกตการณ์อัตราแลกเปลี่ยนเพื่อหาอัตราที่เหมาะสม ทำให้ต้องสูญเสียเวลาและโอกาสในการวางแผนด้านอื่นของธุรกิจไป เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการแสวงหาตลาดใหม่ เป็นต้น
ธนาคารไทยพาณิชย์จึงมีความมุ่งหวังที่จะให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพิจารณาถึงเครื่องมือช่วยป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน คือ การทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่วันทำสัญญา (Forward) ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับธุรกิจที่มีการนำเข้า-ส่งออก แต่มีกำหนดชำระเงินกันในอนาคต (มีกำหนดส่งมอบมากกว่า 2 วันทำการขึ้นไป) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบริหาร หรือควบคุมต้นทุนธุรกิจได้
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีธุรกรรมการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศ และมีวงเงิน Forward Contract กับธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้ว สามารถทำสัญญาจองซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนไว้ก่อนล่วงหน้า และมาทำธุรกรรมซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนตามที่ตกลงกันไว้ในวันที่กำหนด ซึ่งมี 2 รูปแบบ ได้แก่
1) สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบกำหนดวันส่งมอบแน่นอน (Outright Forward)
2) สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบส่งมอบภายในระยะเวลาที่ตกลงไว้ (Pro Rata Forward)
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือเพื่อบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของธุรกิจได้ตามความเหมาะสม เช่น หากมีกำหนดการซื้อขายแน่นอนแล้ว สามารถทำสัญญา Forward เพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ได้เลย หรือหากมีแนวโน้มซื้อขายแต่ยังไม่มีกำหนดแน่นอน อาจจะทำการบริหารความเสี่ยงค่าเงินไว้ก่อนบางส่วน เช่น อย่างน้อย 50% เพื่อช่วยให้สามารถคาดการณ์รายได้หรือรายจ่ายได้ล่วงหน้า ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นความเสี่ยงที่สามารถจัดการได้
นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังมีบริการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านออนไลน์ หรือ SCB FX Online ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้ด้วยตนเองผ่านออนไลน์ (คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ) พร้อมรับอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารต้นทุนธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องนำเข้า-ส่งออกสินค้าและวัตถุดิบไปประเทศต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบและเตรียมเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อช่วยผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นต่อไป