บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 820,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท โดยจัดสรรให้ (1) ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) โดยมีระยะเวลาจองซื้อตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 17.00 น. ของวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 65
(2) จัดสรรให้บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน (ที่จะได้รับจัดสรรตามดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่าย) ระยะจองซื้อตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 17.00 น. ของวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 65 และตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 17.00 น. ของวันที่ 1-2 ธันวาคม 65
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 16.4 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.65) ทั้งนี้ พิจารณานำ P/E เฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 12 เดือนย้อนหลังมาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 24.9 เท่า โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 13 ธ.ค. ในหมวดธุรกิจ เงินทุนและหลักทรัพย์ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "SGC" ด้านนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 65 SGC มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,665 ล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และดอกเบี้ยสินเชื่อผ่อนทองและสินเชื่ออื่นๆ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 467 ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7% ด้วยกลยุทธ์ที่มีทีมงานกว่า 250 คน ที่คอยช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ไขปัญหา ทั้งการพักชำระหนี้ การลดค่างวด คืนสินค้า ซึ่งมีการเจรจาก่อนที่จะเป็น NPL ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถดูแลให้ระดับ NPL อยู่ในระดับที่เหมาะสม
น.ส.บุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ SGC เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายที่จะพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50,000 ล้านบาท ในปี 69 จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/65 พอร์ตสินเชื่อ 15,102 ล้านบาท โดยจะได้รับปัจจัยหนุนจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขายรวม 3,198 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทถือว่ามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตด้วยกลยุทธ์ การมีพนักงานขายในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินเป็นมืออาชีพ รวมถึงการสรรหาพนักงานขายจากคนในพื้นที่ พร้อมทั้งนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ควบคู่การคุมรักษาคุณภาพลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีเครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) และตัวแทน (Agent) ในกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินที่หลากหลายจำนวน 1,859 ราย และการเข้าถึงลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาและสาขาแฟรนไชส์ของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,154 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย เป็นจุดแข็งที่ทำให้ SGC สามารถครองใจลูกค้า และมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ และนำเงินทุนบางส่วนไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท จำนวนเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท (บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER)) จำนวนเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะชำระคืนภายในไตรมาส 3/66 จึงมั่นใจว่าการระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนให้บริษัทมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคต และมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น