xs
xsm
sm
md
lg

"ประทีป ตั้งมติธรรม" สะท้อนมุมมองขายบ้านและที่ดินให้ชาวต่างชาติ​ = "ขายชาติ"!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ได้สะท้อนความเห็นส่วนตัวต่อ "มาตรการส่งเสริมชาวต่างชาติ​ เฉพาะกลุ่มให้มีสิทธิ์ซื้อ​บ้าน+ที่ดินไม่เกิน​ 1ไร่​ในเขตเมือง"​ ว่า เริ่มร้อนแรง​ มีการถกเถียงกันมาก​ขึ้นๆ และระบุว่า​ คือ​ "ขายชาติ"

เมื่อมีคนค้านมากๆ เข้า​ก็มีคนเสนอให้หาทางถอยด้วยการปรับเปลี่ยนจากยอมให้ชาวต่างชาติ "ถือกรรมสิทธิ์" ​เป็น​ "การเช่าระยะยาว" ไม่เกิน ​30 ปีแทน เพราะ ​"การเช่า" จะเรียกว่า "ขาย" ไม่ได้

ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวระยะสั้นนั้น​ คนไทยเกือบทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ทำให้คนไทยมีงานทำมากขึ้น​ มีรายได้ดีขึ้น

ขณเดียวกัน​ คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร​ จึงรักผืนแผ่นดินมาก​ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ความคิดดังกล่าวข้างต้น​ จาก​การขาย การเช่า​ระยะยาว​ และการท่องเที่ยวระยะสั้น​ 3 กรณี​ ถ้านำมาประมวล​และเปรียบเทียบเป็นตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ​ จะเป็นดังนี้...

ถ้ามีชาวต่างชาติจะแต่งงานกับ​คนไทยตลอดชีวิต​ และคนไทยยอมแต่งด้วย​ จะถูกสรุปว่า​"ขายชาติ"

แต่ถ้าเขาขอแต่งงานด้วยระยะยาวไม่เกิน​ 30 ปี​ จะมีผู้รู้สึกว่า​น่าจะยอมรับได้

แต่ถ้าเขาขอแต่งด้วยไม่กี่วัน​ โดยจ่ายค่าตอบแทนตามที่เราต้องการ​ เราก็ถือว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร

กระนั้นหรือ?

ถ้าชาวต่างชาติซื้อบ้าน+ที่ดิน​ 1 ไร่ ในราคา 40 ล้านบาท​ จะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใช้จ่ายคนละ ​50,000 บาท​ 800 คน หรือถ้าซื้อคอนโดฯ ราคา ​10 ล้านบาท จะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่ใช้จ่าย ​5 หมื่นบาท 200 คน

บางคนคิดว่า​การยินยอมให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้​ไม่เกิน​ 1 ไร่ ​จะก่อให้เกิดการเก็งกำไร​ทำให้ที่ดินราคาแพงจนคนไทยซื้อไม่ไหว​

ที่จริง​ "การเก็งกำไร" นั้น​ประเทศไทยเราเปิดกว้างมานานแล้ว​ให้ชาวต่างชาติทั่วโลกเข้ามาลงทุน/เก็งกำไร​ในตลาดหลักทรัพย์​ โดยยกเว้นการเสียภาษีเงินได้​ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก​ อนึ่ง​ การลงทุนในหุ้น หหรือหลักทรัพย์ใช้เงินลงทุนเพียงหลักหมืนก็ทำได้​ อีกทั้งสภาพคล่องการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์​ก็สูงกว่า และดีกว่าอสังหา​ริมทรัพย์มาก​ กล่าวคือ​ ถ้าต้องการขายหลักทรัพย์​จะสามารถขายได้เกือบทุกวัน​ แต่ถ้าจะขายที่ดิน​ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน

ดังนั้น ​ชาวต่างชาติถ้าต้องการเก็งกำไรในประเทศไทย ​เขามีทางเลือกที่ดีกว่า ง่ายกว่าการเก็งกำไรที่ดิน​ คือ ​ตลาดหลักทรัพย์​ นั่นเอง​ หรืออาจจะหันไปเก็งกำไรเงินตราในสถานการณ์​ที่เอื้ออำนวย

ผมจึงไม่คิดว่า​ ชาวต่างชาติจะแห่กันมาซื้อบ้าน+ที่ดิน มากอย่างที่พวกเราหลายคนเป็นห่วง ​เพราะตั้งแต่ถูกจำกัดด้วยคน ​4 กลุ่มที่เป็นประโยชน์​ต่อเศรษฐกิจ​ ซึ่งได้แก่ ​ผู้มีรายได้สูง​ คนเกษียณ​ ผู้เชี่ยวชาญ​ และผู้ที่ประสงค์พำนักเพื่อทำงาน

ผมยังเชื่อว่า ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะนิยมซื้อคอนโดฯ หรือห้องชุดที่ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ซื้อได้มานานแล้ว ​โดยจะซื้อมูลค่ากี่ร้อยล้านก็ได้โดยไม่จำกัดด้วยขนาดหรือราคาของห้องชุด​ เพียงแต่ต้องไม่เกินร้อยละ​ 49 ของแต่ละอาคารชุด​ ส่วนที่เหลือจะถือกรรมสิทธิ์​โดยคนไทย ร้อยละ​ 51

เหตุผลที่ชาวต่างชาติจะนิยมคอนโดฯ มากกว่า ​เพราะคอนโดฯ มักมีทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากกว่า

ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว​ การส่งเสริมให้ชาวต่างชาติให้มาซื้อบ้าน หรือคอนโดฯ ใในประเทศไทยจะเปรียบเสมือนมาตรการยิงนกทีเดียวได้​ 3 ตัว​คือ

1.เป็นการส่งเสริมการส่งออก โดยสินค้านั้นยังคงอยู่ในประเทศไทย
2.เป็นการส่งเสริมการลงทุนที่เราได้เงินตราเข้าประเทศ​ กระตุ้นเศรษฐกิจ​ ทำให้คนไทยมีรายได้ดีขึ้น

3.เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถาวร ​เพราะเขาจะอยู่นานมากขึ้น​และมาบ่อยๆ​ ช่วงที่อยู่ก็ต้องจับจ่ายใช้สอยต่างๆ

เมื่อชาวต่างชาติมาซื้อบ้าน หรือคอนโดฯ ​แต่ละรายเทียบเท่านักท่องเที่ยวหลายร้อยคนแล้ว ​การส่งเสริมให้อยู่ระยะยาวจะดีกว่าการส่งเสริมให้อยู่ระยะสั้นหรือไม่?
กำลังโหลดความคิดเห็น