บมจ.กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) เตรียมกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยจะเปิดให้จองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย. จากนั้นคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ภายในเดือน พ.ย.65
KJL ลงนามแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน คาดเคาะราคา IPO เปิดจองซื้อ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 พร้อมชูประสบการณ์ผลิตตู้ไฟ สวิตช์บอร์ดของประเทศมาเกือบ 3 ทศวรรษ เตรียมมุ่งสู่ "ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคต" รองรับ Digital Economy
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ KJL เปิดเผยว่า KJL ลงนามแต่งตั้งให้ บล.หยวนต้า เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย รวม 3 ราย ประกอบด้วย บล.เอเซีย พลัส บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
"KJL เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตและเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์อนาคต โดยทีมผู้บริหารและทีมงานที่มากประสบการณ์และคร่ำหวอดในธุรกิจมานานเกือบ 30 ปี ที่ตลาดอุตสาหกรรม ตลอดจนพันธมิตรระดับโลกรู้จักและให้การยอมรับ ทำให้มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ KJL จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน รวมถึงแผนการลงทุนที่ชัดเจนในการเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคต นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน" นายพายุพัด กล่าว
ด้าน นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จและความภาคภูมิใจในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรม ภายใต้ค่านิยมองค์กร (Core Value) ซึ่งประกอบด้วย FLEXIBLE INNOVATION SPEED และ TRUSTWORTHY เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและมีความแตกต่างในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและคุณภาพที่รวดเร็วและตรงเวลา จึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาเกือบ 3 ทศวรรษ
เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ลงทุนศูนย์นวัตกรรม (KJL Innovation Campus) เพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ชำระคืนเงินกู้ในระยะสั้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานปี 62-64 มีรายได้จากการขาย 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 5.93% ต่อปี ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.49 ล้านบาท 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 65 มีรายได้จากการขาย 502.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 65.79 ล้านบาท เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 64 ที่มีรายได้จากการขาย 424.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47.87 ล้านบาท
"การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จะช่วยให้ KJL มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น สามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกระแสการใช้พลังงานสะอาดทั่วโลกที่กำลังเติบโต นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้และทำกำไรในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ ผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ KJL เติบโตอย่างก้าวกระโดด รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital Economy ในฐานะผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคตคุณ" นายเกษมสันต์ กล่าว