หุ้นไทยแผ่วปิด +2.69 จุด หลังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 1,620 จุดได้ ทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา โบรกฯ แนะนักลงทุนลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่จะเปิดเผยท่าทีดอกเบี้ยในกลางสัปดาห์นี้ พร้อมประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ให้แนวรับที่ 1,590 จุด และแนวต้านที่ 1,620 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.69 จุด หรือ+0.17% โดยปิดตลาดที่ 1,608.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,914.30 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายก่อนที่จะปรับตัวลดลง ในช่วงบ่ายแต่ยังปิดตลาดในแดนบวก โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,619.08 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,605.76 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 756 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 559 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 874 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +4,164.85 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +7.99 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,933.62 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -239.22 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,580.02 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,342.34 ล้านบาท ปิดที่ 181.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,880.87 ล้านบาท ปิดที่ 36.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,511.25 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,510.69 ล้านบาท ปิดที่ 96.50 บาท ลดลง 1.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KBANK ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ 2.46%
2.ADVANC ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 1.06 %
3.BH ปิดที่ 227.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 0.89%
4.TOP ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 2.83%
5.BBL ปิดที่ 145.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 1.04%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SINGER (XB) ปิดที่ 36.25 บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 6.45%
2.RCL ปิดที่ 26.50 บาท ลดลง 1.75บาทหรือ 6.19%
3.CENTEL ปิดที่ 50.75 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 1.93%
4.EA ปิดที่ 96.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 1.28%
5.JMARTปิดที่ 45.25 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 2.16%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,199.97 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด หรือ 0.25% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 979.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด หรือ 0.29% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 645.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ 0.52%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พยายามดีดขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน แต่ยังไปไม่ถึงแนวต้านใหม่ที่ 1,620 จุด ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมา ประกอบกับนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลางสัปดาห์นี้ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 3/65 ในรายตัวด้วย ทำให้ตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยบวกมากนัก
อย่างไรก็ดีมุมมองการลงทุนวันพรุ่งนี้คาดว่าตลาดจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆในทิศทางขาลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอลงทุนก่อนการประชุมเฟด พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด
