หุ้นไทยปิดตลาด +9.34 จุด โบรกฯเผย นักลงทุนในตลาดเริ่มผ่อนคลายแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อของเศรษฐกิจโลก หลังเฟดประธานหลายสาขาออกมาระบุว่าอาจไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งสอดรับกับตัวเลขที่สะท้อนภาพดัชนีเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวลดลง
ส่วนนักลงทุนไทยยังคาดหวังงบบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินส่วนใหญ่ที่เปิดเผยออกมาดีกว่าที่คาดไว้ มองแนวโน้มกรอบดัชนีวันพรุ่งนี้ คาดปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 1,612 จุด และแนวรับที่ 1,595 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.34 จุด หรือ +0.59% โดยปิดตลาดที่ 1,600.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,622.51 ล้านบาท โดภาพรวมการลงทุนในวันนี้ดัชนีค่อยๆทยอยปรับตัวขึ้น โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,602.88 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,593.68 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 713 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 477 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,012 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +2,274.69 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,026.52 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า-202.92 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -45.26 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 6,367.53 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,952.29 ล้านบาท ปิดที่ 666.00 บาท เพิ่มขึ้น 40.00 บาท
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,612.73 ล้านบาท ปิดที่ 96.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,481.49 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,359.93 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 327.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาทหรือ 1.87%
2.BH ปิดที่ 232.00 บาท เพิ่มขึ้น3.00 บาทหรือ 1.31%
3.CBG ปิดที่ 90.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 2.27 %
4.BBL ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาทหรือ 1.76 %
5.EGCO ปิดที่ 165.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 1.23%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KBANK ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 4.50 บาทหรือ 3.08%
2.MEGA ปิดที่44.25 บาท ลดลง 1.75 บาทหรือ 3.80%
3.ADVANC ปิดที่ 185.50 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 0.80%
4.TOP ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 1.90%
5.AEONTS ปิดที่ 158.50 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 0.63%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,174.23 จุด เพิ่มขึ้น 10.60 จุด หรือ 0.49% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 967.32 จุด เพิ่มขึ้น 5.72 จุด หรือ 0.59% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 640.33 จุด ลดลง -4.94 จุด หรือ -0.77%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีและปิดเหนือระดับ 1,600 จุด โดยได้รับปัจจัยหนุนจากที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อการใช้นโยบายการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของหลายๆประเทศ หลังจากเริ่มเห็นตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลดลง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลงจากประธานปลายสาขาเริ่มออกมาให้ความเห็นว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะไม่เร่งตัวมากแล้ว ในขณะเดียวกันยังได้รับแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เหลือจะทยอยออกมาในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนยังคงต้องติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และ การประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.1% รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้ง GDP ไตรมาส 3/65 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือน ก.ย.
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้คาดว่าดัชนี SET ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 1,612 จุด พร้อมให้แนวรับที่ 1,595 จุด โดยมองว่านักลงทุนน่าจะมีความกล้าในการลงทุนมากขึ้นตาม Sentiment ที่ดีขึ้นหลังดัชนีผ่าน 1,600 จุดมาได้