ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.ย. 65 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าทรงตัวอยู่ที่ 33.9 และ 35.2 จาก 33.9 และ 35.7 ในเดือนส.ค.65 โดยครัวเรือนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับระดับราคาสินค้าลดลง สอดคล้องกับดัชนีเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.65 ที่ชะลอลงอยู่ที่ 6.41% หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่เริ่มชะลอทิศทางการปรับเพิ่มขึ้น เช่น แก๊สโซฮอล์โดยตลอดเดือน ก.ย.65 ประเทศไทยยังมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ของดัชนีพบว่า ครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับระดับอาหารเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 29.5 จาก 27.0 ในเดือน ส.ค.65 ซึ่งคาดว่าเกิดจากส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตมาสู่ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น หลังต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ยังอยู่ในระดับสูง เช่น เนื้อหมู ราคาไข่ไก่ อีกทั้งอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกบางแหล่งมีน้ำท่วมขังจึงทำให้ราคาสินค้ากลุ่มผักสดสูงขึ้น
นอกจากนี้ แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (9 เดือนแรกอยู่ที่ 6,018,943 คน) แต่ครัวเรือนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าเกิดจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำกินทางการเกษตร นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำท่วมยังส่งผลให้ครัวเรือนวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยดัชนีค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ไม่รวมภาระหนี้คาดการณ์ข้างหน้าลดลง (ความกังวล) เพิ่มขึ้น 18.8%
พร้อมกันนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น โดยครัวเรือน 38.5% ระบุว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่ง 54.1% เดินทางไปกลับทำงานลำบากมากขึ้น ขณะที่ครัวเรือน 17.5% เผชิญความเสียหายในส่วนของที่อยู่อาศัย และ 16.1% ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วมพบว่าครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นน้อยกว่า 1,000 บาทอยู่ที่ 34.3% ขณะที่มีค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากกว่า 5,001 บาทขึ้นไป มีสัดส่วนอยู่ที่ 19.2%
ดังนั้น จากประเมินจากผลสำรวจดังกล่าว โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบเฉพาะหน้าของสถานการณ์น้ำท่วมต่อภาคครัวเรือนเบื้องต้นอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (ไม่รวมภาคอุตสาหกรรม) ซึ่งเป็นการคำนวณจากข้อมูลที่สำรวจในช่วงปลายเดือน ก.ย.65 ยังไม่ได้รวมผลกระทบที่จะเกิดเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ฝนที่ยังตกหนักในช่วงเดือน ต.ค.65 ในระยะข้างหน้าการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนมีความท้าทายเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งในส่วนของรายได้ที่ทั้งภาคเกษตร พื้นที่ทำกิน (ค้าขายสินค้า) เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของค่าใช้จ่ายยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น การซ่อมแซมบ้านเรือน การเดินทางไปทำงานที่ยากลำบากขึ้น เป็นต้น ส่งผลให้กำลังซื้อของครัวเรือนยังมีแนวโน้มเปราะบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงมาตรการต่างๆ จากภาครัฐที่จะมาบรรเทาความเสียหาย
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังเผชิญหลายปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ทั้งระดับราคาสินค้าที่ยังจะเห็นการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตมาสู่บริโภค ระดับราคาพลังงานที่ยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นในลักษณะขั้นบันได บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของภาคครัวเรือนยังมีแนวโน้มเปราะบาง การใช้จ่ายของครัวเรือนยังจะไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ ทั้งนี้ ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐในช่วงปลายปีที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้เกิดขึ้น เช่น มาตรการลดหย่อนทางภาษี เป็นต้น