xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดบวก +11.84 จุด สวนตลาด ตปท. เงินไหลเข้ากลุ่ม Big Cap ลดระดับควบคุมโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยปิด +11.84 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นมาสวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงและตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดมายังปรับตัวลงต่อ หลังธนาคากลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะจับตาปัจจัยกดดันตลาดจากการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร และการประชุม ศบค.ในวันพรุ่งนี้ โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,665-1,670 จุด และแนวรับที่ 1,625-1,630 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 22 กันยายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +11.84 จุด หรือ +0.72% โดยปิดตลาดที่ 1,645.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,375.23 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนช่วงภาคเช้าปรับตัวและขึ้นมาอยู่ในแนวบวกได้ตลอดบ่าย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,649.29 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,627.34 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 927 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 596 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 693 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +2,306.00 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,221.90 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -262.42 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -821.68 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,790.10 ล้านบาท ปิดที่ 173.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,601.63 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,623.09 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,256.74 ล้านบาท ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,211.79 ล้านบาท ปิดที่ 636.00 บาท เพิ่มขึ้น 20.00 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCCปิดที่ 333.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 1.52%
2. BHปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.32%
3.EGCOปิดที่ 173.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.47%
4.JMTปิดที่ 74.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.06%
5.BBLปิดที่ 137.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.10 %

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CPALLปิดที่57.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.72%
2.PTTEPปิดที่173.50 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 0.57%
3.TOPปิดที่55.75 บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 0.89%
4.BECปิดที่12.90 บาท ลดลง 0.40บาท หรือ 3.01 %
5.TIDLORปิดที่28.00 บาท ลดลง 0.25บาท หรือ 0.88%
 
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,235.45 จุด เพิ่มขึ้น 13.52 จุด หรือ 0.61% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 989.15 จุด เพิ่มขึ้น 5.72 จุด หรือ 0.58% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 681.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.63 จุด หรือ 2.19%

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ขึ้นมา สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลง และตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดมายังปรับตัวลงต่อ โดยที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เข้ามา โดยเฉพาะในกลุ่มแบงก์ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และยังมีแรงหนุนจากหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนดัชนีได้อีกด้วย

ขณะเดียวกันปัจจัยในประเทศพรุ่งนี้คาดว่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในเรื่องของการยุบศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) การยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และการปรับลดวันกักตัว ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงหนุนต่อการเปิดประเทศได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวโดดเด่น และหนุนต่อตลาดหุ้นที่รีบาวด์กลับมาด้วยเช่นกัน

ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ขึ้นได้ต่อ หลังตลาดได้รับทราบปัจจัยกดดันการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไปแล้ว และรอติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร และการประชุมศบค.ในวันพรุ่งนี้ โดยประเมินกรอบดัชนีแนวต้านที่ 1,665-1,670 จุด และแนวรับที่ 1,625-1,630 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น