ธุรกิจผลิตถุงมือยางตกต่ำสุดขีด ผลผลิตล้นตลาด ราคาทรุดลงอย่างหนัก กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนผู้ผลิตถุงมือยางถ้วนหน้า โดยเฉพาะบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT
ตั้งแต่ต้นปี หุ้น STGT ปรับตัวลงตลอด สร้างจุดต่ำสุดใหม่เรื่อยมา ล่าสุดวันจันทร์ที่ผ่านมาปิดที่ 12.30 บาท ลดลง 0.70 บาท มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 278.56 ล้านบาท
STGT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 34 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท โดยเป็นหุ้นถุงมือยางขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนใจสูง
เนื่องจากเข้ามาซื้อขายในจังหวะที่ดี ความต้องการใช้ถุงมือยางในตลาดโลกสูง เพราะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด จนกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นสูง
หุ้นกลุ่มถือมือยางราคาดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะ STGT ซึ่งซื้อขายวันแรกราคาปิดที่ 60.50 บาท สูงกว่าจอง 26.50 บาท หรือสูงกว่าจอง 77.94%
หลังจากนั้นยังคงพุ่งทะยานต่อไป และลากหุ้นตัวแม่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง สัดส่วน 50.61% ของทุนจดทะเบียนใน STGT ตามไปด้วย
หุ้นถุงมือยางแม่ลูกคู่นี้กลายเป็นหุ้นโดดเด่น ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน และมักติด 10 อันดับแรกหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดอยู่พักใหญ่ เพียงแต่หากมีข่าวการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด ราคาหุ้นถึงมือยางจะอ่อนตัวลง
แต่ถ้ามีข่าวเชื้อโควิดระบาดหนัก ราคาหุ้นถุงมือยางจะปรับตัวขึ้น จนประเทศจีนเริ่มบุกตลาดถุงมือยาง ผลิตสินค้าป้อนตลาด จนเกิดภาวะถุงมือยางล้นตลาด และเกิดการแข่งขันตัดราคา
หุ้น STGT รวมทั้งหุ้นกลุ่มถุงมือยางในตลาดหลักทรัพย์ปรับฐานสู่ขาลง และลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2564
วันที่ 5 มกราคม 2564 STGT ได้แตกพาร์ จากพาร์ 1 บาท เหลือพาร์ 50 สตางค์ และภายใต้พาร์ใหม่กระตุ้นการเก็งกำไรได้ระยะหนึ่ง โดยราคาสร้างสูงสุดใหม่นับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 โดยหุ้นปิดที่ 49 บาท
หลังจากนั้นปักหัวลง และเป็นขาลงยาวนาน พร้อมผลประกอบการที่ชะลอตัวลงในปี 2565
กำไรของ STGT เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 634.30 ล้านบาท เพิ่มเป็น 14,4010.87 ล้านบาทในปี 2563 และปี 2564 กำไรเพิ่มเป็น 23,23,704.16 ล้านบาท
แต่งวด 6 เดือนแรกปีนี้กำไรทรุดฮวบ โดยมีกำไรสุทธิ 1,668.63 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17,331.67 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช STGT ต่ำมาก อยู่ที่ 4.63 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงมาก เพราะปี 2564 มีการจ่ายกรณีพิเศษ นำกำไรสะสมมาจ่ายด้วย จึงมีอัตราเงินปันผลตอบแทนถึง 34% แต่เป็นอัตราที่คงไม่สามารถจ่ายได้อย่างสม่ำเสมอ
ราคาหุ้น STGT ที่ลงมาลึก ลงแรง และลงมาม้วนเดียว เกิดจากความคาดหมายธุรกิจถุงมือยางยังซบเซา ผลประกอบการบริษัทจะชะลอตัวต่อเนื่อง นักลงทุนจึงระบายหุ้นออก โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ส่วนนักลงทุนรายย่อยอาจขาดทุนหนักจนตัดขายไม่ไหว
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย STGT มีทั้งสิ้น 67,630 ราย และเป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก โดยน่าจะแห่เข้าไปเก็งกำไรในช่วงตลาดถุงมือยางสดใส ราคาหุ้นถุงมือยางปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง และขายออกไม่ทัน
ผู้ถือหุ้นรายย่อยค่อนแสนรายติดดอย STGT และต้องกดฟันแบกหุ้นต้นสูงต่อไป รอคอยหุ้นกลุ่มถุงมือยางจะกระเตื้อง
แต่ระยะสั้นยังไม่มีสัญญาณว่าธุรกิจถุงมือยางจะฟื้น หุ้น STGT จึงมีแนวโน้มฟุบ และอาจเห็นจุดต่ำสุด
