Mike McGlone แห่ง Bloomberg คาดการณ์ว่าเมื่อ BTC หลุดพ้นจากตลาดหมีและกลับเข้าสู่ตลาดกระทิงจะไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ $100K และ ETH $6K
จากการเปิดเผย Cryptopotato ซึ่งระบุถึงมุมมองการลงทุนของ Mike McGlone นักยุทธศาสตร์อาวุโสด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ Bloomberg โดยเขาแสดงความเห็นต่อแนวโน้มต่อตลาดคริปโตว่า จากสถานการณ์ฤดูหนาวของ crypto อาจยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ เทียบกับการตกต่ำของตลาดครั้งก่อน ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก “แรงทุบของ Fed” โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า McGlone คาดเมื่อตลาดคริปโตตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว อุตสาหกรรมจะกลับฟื้นตัวขึ้นมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิม โดย Bitcoin แตะอาจกลับไปยืนเหนือ $100,000 และ Ethereum จะมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $6,000 ภายในปี 2025
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึง “The Merge” โดยอ้างว่างานดังกล่าว “สร้างความตื่นเต้นอย่างมากต่อนักลงทุน” ซึ่งจากสถานการณ์เงินฝืดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อาจสร้างความอึดอัดและเจ็บปวดแก่นักลงทุน แต่เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ เขายังคาดการณ์ว่าการมุ่งเน้นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ Ethereum จะผลักดันให้มีการยอมรับในสถาบันจำนวนมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาโปรโตคอลในปีต่อๆ ไป
BTC และ ETH จะบรรลุเป้าหมายใน 3 ปี
ในการสัมภาษณ์ล่าสุดของ McGlone ต่อ Kitco News เขาตอกย้ำจุดยืนว่า bitcoin จะฟื้นตัวขึ้นไปที่ระดับราคา $100,000 โดยอ้างอิงถึง "สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจมหภาคของโลก" ซึ่งส่งผลต่อการแข็งค่าของสินทรัพย์โดยมองว่าอาจใช้เวลานานถึง 3 ปี ในการต่อสู้กับความยากลำบากนี้
“สำหรับ Bitcoin ผมมองว่าอาจต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองก่อนที่จะถึง 100,000 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันหากพูดถึง Ethereum มันเป็น “สิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” โดยคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ดอลลาร์ภายในปี 2025 อย่างไรก็ดีสาเหตุของการฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของ crypto ในอนาคตนั้นก็เพราะว่ามันเปรียบเหมือนเป็น “ม้าที่เร็วที่สุดในการแข่งขัน” เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆมี “ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว”
อย่างไรก็ตาม McGlone คิดสถานการณ์ตลาดคริปโตขณะนี้ คล้ายกับวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งนำไปสู่ความยากลำบากของตลาด crypto โดยในสถานการณ์ตลาดปัจจุบันจะช่วยคัดกรองบางโครงการที่ไร้ประโยชน์และไม่มีศักยภาพออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด ที่พิสูจน์ตัวเองได้ จะอยู่รอดจากความปั่นป่วนและมีบทบาทสำคัญในอนาคตของการเงิน เขากล่าวสรุป