โบรกเกอร์เปิดโผหุ้นรับอานิสงส์น้ำท่วม ชู กลุ่มค้าปลีก วัสดุก่อสร้างอย่าง HMPRO GLOBAL DOHOME มาแรง เนื่องจากกิจกรรมการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้น หลังเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย แนะนำ "Overweight" กลุ่ม Commerce หมวดธุรกิจสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ขณะที่กลุ่มไฟแนนซ์ยังต้องจับตา เหตุเสี่ยงต้นทุนป้องกันน้ำท่วมสาขาพุ่ง ลูกหนี้ชะลอค่างวด ส่วนนิคมฯ ยานยนต์คาดว่ายังปลอดภัยหลังสถานการณ์ไม่หนักเหมือนปี 54
DAOL มองบวกกลุ่ม Commerce วัสดุฯ รับอานิสงส์
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOL เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะนี้มองบวกต่อหุ้นกลุ่ม Commerce โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งซ่อมแซมที่จะได้รับอานิสงส์เชิงบวก
ทั้งนี้ มองว่าสินค้ากลุ่มตกแต่งและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะหุ้น HMPRO GLOBAL, DOHOME จะได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่องจากกิจกรรมการซ่อมแซมตกแต่งที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้นหลังจากเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย
อีกทั้งเมื่อบวกกับเข้าสู่ฤดูกาลซ่อมแซมบ้านหลังฤดูฝน ทำให้ demand ของสินค้าที่เกี่ยวกับการตกแต่งซ่อมแซมและการ renovate บ้านถูกเร่งขึ้น เป็นบวกมากต่อสาขาในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ GLOBAL และ DOHOME ที่มีสาขาส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคกลางและภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก
โดย GLOBAL ในภาคกลางและภาคอีสานรวมทั้งหมด 44 สาขา จากทั้งหมด 76 สาขา (คิดเป็นสัดส่วน 58%) ส่วน DOHOME มีจำนวน 10 สาขาจากทั้งหมด 18 สาขา (คิดเป็นสัดส่วน 56%) และ HMPRO มีจานวน 31 สาขาในภาคกลางและอีสาน (คิดเป็นสัดส่วน 29%) และอีก 36 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากทั้งหมด 108 สาขา
ผลกระทบจำกัดต่อกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เรายังมองผลกระทบที่จำกัดต่อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากน้ำท่วมในปีนี้คาดว่าจะไม่รุนแรงเหมือนกันอุทกภัยใหญ่ในปี 54 ซึ่งอาจจะเห็น Traffic ที่ลดลงเล็กน้อยจากอุปสรรคในการเดินทาง และจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อ supply และการขึ้นราคาจากการกักตุนสินค้า เราให้คำแนะนำ "Overweight" สำหรับกลุ่ม Commerce ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน HMPRO (ซื้อ/เป้า 18.50 บาท) GLOBAL (ซื้อ/เป้า 23.00 บาท) DOHOME (ถือ/เป้า 14.00 บาท)
ขณะที่หุ้นอื่นในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างและตกแต่งซ่อมแซมที่จะได้รับประโยชน์ด้วย ได้แก่ TASCO DCC COTTO TOA
กลุ่มไฟแนนซ์ผลกระทบจำกัด นิคมฯ-ยานยนต์ไม่น่าห่วง
ขณะที่กลุ่ม Finance/Industrial Estate/Electronics/Automotive จะได้รับผลกระทบจำกัด เรามองว่าผลกระทบจากเหตุการณ์ฝนตกหนักและต่อเนื่องในปี 2022 นี้ไม่ได้มีความรุนแรงมาก เมื่อเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมหนักใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในปี 54 (ระยะเวลาเกือบ 5 เดือน โดยมีฝนตกสะสมตลอดทั้งปี) ที่มีน้ำท่วมในปริมาณมากและท่วมนาน
โดยในพื้นที่สำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจหดตัว (GDP หดตัวราว -9%) อ้างอิงข้อมูลจาก GISTDA จะเห็นว่าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้าท่วมในเดือน ส.ค.2022 อยู่ที่ 1.9 ล้านไร่ น้อยกว่าช่วงน้ำท่วมใหญ่ในเดือน ส.ค.2011 ที่มีขนาด 5.9 ล้านไร่ อย่างไรก็ตามเ หตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารสิ่งปลูกสร้างและรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
ด้านกลุ่ม Finance มองผลกระทบจำกัด จากค่าใช้จ่ายสาขาที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำท่วมสาขา และ NPL ที่อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะลูกหนี้จะชะลอการจ่ายชำระหนี้ และนำเงินไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัยก่อน คาดกระทบจากมากไปน้อย เรียงตามจำนวนสาขา ได้แก่ MTC (ถือ/เป้า 50.00 บาท) SAWAD (ถือ/เป้า 50.00 บาท) TIDLOR (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท)
ขณะที่กลุ่ม Industrial Estate อาจจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในนิคมฯ อย่างไรก็ตามนิคมฯ ต่างๆ ในปัจจุบันได้มีมาตรการป้องกันน้าท่วมที่เพิ่มขึ้น และเข้มงวดมากกว่าปี 54
ส่วนกลุ่ม Electronic & Automotives คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมที่โรงงานตั้งอยู่ได้มีมาตรการป้องกันน้ำท่วมด้วยการสร้างคันกันน้ำ หลังจากที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 54