xs
xsm
sm
md
lg

กูรู ลดน้ำหนักหุ้นรับเหมาฯ ชี้โครงการเริ่มชะลอ รอเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.ดาโอ ปรับลดน้ำหนักลงหุ้นรับเหมาก่อสร้างเหลือ “เท่ากับตลาด” จากเดิม “มากกว่าตลาด” หลังแนวโน้มการเปิดประมูลโครงการใหญ่ เริ่มลดลงและมีโอกาสล่าช้า เหตุใกล้เลือกตั้ง แต่ยังชู TOP-PYLON เป็น Top Pick แต่ยังมองครึ่งหลังปีนี้ ยังมีปัจจัยหนุนทั้งจาก Backlog ที่กลับมาขยายตัว โควิดที่คลี่คลาย รวมทั้งการนำเข้าแรงงานได้มากขึ้น และราคาวัสดุก่อสร้าง ที่เริ่มอ่อนตัว

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) ประเมินทิศทางหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ในช่วงที่โครงการภาครัฐ เริ่มชะลอตัว โดยระบุว่า หากพิจารณาจาก pipeline การเปิดประมูลโครงการใหญ่ มองว่าแนวโน้มโครงการใหม่เริ่มลดลงในช่วงเวลาที่เหลือของปีและ Q1/66 และมีโอกาสล่าช้าจากการใกล้เลือกตั้ง โดยปัจจุบันโครงการที่มีความคืบหน้ามากสุดมีเพียง

1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ไม่รวม Missing Link) มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ยังอยู่ระหว่างจัดทา TOR และสรุปราคา

2) โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 3 เส้นทางใหม่ มูลค่ารวม 1.3 แสนล้านบาท โดยยังรอเสนอเข้าที่ประชุม ครม.

ดังนั้นประเมินว่าการเปิดประมูลโครงการเหล่านี้จะเห็นเร็วสุดในครึ่งปีแรก 66 นอกเหนือจากนั้น แล้ว จากข้อมูลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐล่าสุดไม่ได้มีการเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัย

โดยตัวเลขในช่วง 11 เดือนปี 65 (ต.ค.2021-ส.ค.65) ยังอยู่ในระดับที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมด เทียบกับ 11 เดือนปี 64 (ต.ค.2020-ส.ค.2021) ที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56%

สายสีส้มประกาศ lowest bidder แล้ว แต่ยังต้องรอ process คดีความ ล่าสุด รฟม. ได้ประกาศผล lowest bidder การประมูลโครงการสายสีส้มแล้ว ซึ่ง BEM เป็นผู้ชนะประมูลอย่างไม่เป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับสายสีส้มจำนวน 4 คดี ได้แก่ คดีศาลปกครอง 3 คดี และคดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 1 คดี ซึ่งรวมถึงคดีการแก้ไขหลักเกณฑ์ของการประมูลครั้ง เก่าของ รฟม. ที่ศาลปกครองพิพากษาว่าการแก้ไขหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ รฟม. อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ส่งผลให้ขั้น ตอนการประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการและการลงนามสัญญาอาจยังต้องใช้เวลา

ปรับน้ำหนักลงทุนเหลือ “เท่ากับตลาด” แต่ชู CK - PYLON เด่น

ทั้งนี้ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างลงเป็น “เท่ากับตลาด” (จากเดิม “มากกว่าตลาด”) จากแนวโน้มการเปิดประมูลโครงการใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีเริ่มลดลงและมีโอกาสล่าช้าจากการใกล้เลือกตั้ง ขณะที่สายสีส้มยังต้องรอ process คดีความ นอกจากนี้ จากการศึกษาของเราพบว่าราคาหุ้นกลุ่มรับเหมามีทิศทางจะ in line หรือ underperform SET ในช่วงก่อนเลือกตั้ง

สำหรับ Top pick กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ชอบ CK (ซื้ /เป้า 25.40 บาท) มากสุด จากผลการดำเนินงานและ backlog ที่กลับมา turnaround และมี catalyst เฉพาะตัวจากความคืบหน้าสัญญา EPC โครงการหลวงพระบางในครึ่งหลังปี 65 ซึ่ง มีมูลค่างานก่อสร้างสูงถึง 8-9 หมื่นล้านบาท โดยจะช่วยลดความเสี่ยงและเป็นข้อได้เปรียบหากการประมูลโครงการรัฐล่าช้า

ด้านกลุ่มรับเหมาขนาดเล็ก ชอบPYLON (ซื้อ /เป้า 5.40 บาท) จากผลการดำเนินงานและ backlog ที่ฟื้นตัวเร็ว และมีข้อได้เปรียบในเรื่องแรงงานมากกว่าคู่แข่ง สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตัวอื่นจะกลับมาน่าสนใจมากขึ้น หากสถานการณ์ GPM, ปัญหาแรงงานขาดแคลน, และการเจรจางานใหม่มีสัญญาณดีขึ้นชัดเจน

หุ้นรับเหมาฯ ครึ่งหลังปีนี้ ยังมีปัจจัยหนุน

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นมีโอกาสน้อยที่จะ outperform ช่วงก่อนเลือกตั้ง จากการศึกษาพบว่า หากอิงข้อมูลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 62 ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยรวม (SETCONS) underperform SET -7% ในช่วง 6 เดือน และ in line กับ SET ในช่วง 1-3 เดือนก่อนเลือกตั้ง ทำให้คาดการณ์ว่าราคาหุ้นกลุ่มรับเหมามีโอกาสจะ in line หรือ underperform SET ในช่วง 1-6 ก่อนการเลือกตั้งครั้ง นี้จากปัจจัยลักษณะทางการเมืองที่มีความคล้ายกัน รวมถึงปัจจัยการเปิดประมูลโครงการใน Q4/65-Q1/66 ที่เริ่มลดลงเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเมินหุ้นก่อสร้างของ 5 บริษัทที่อยู่ภายใต้ coverage ของ DAOL ในปี 65 ฟื้นตัว +12% YoY โดยประเมิน ครึ่งปีหลัง 65 จะปรับตัวดีขึ้น YoY, HoH หนุนโดย

1) backlog ที่กลับมาขยายตัวและ progress งานใหญ่ที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของและสายสีม่วงใต้ ทั้งนี้ backlog รวมสิ้น Q2/65 อยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น จาก Q2/64 ที่ 1.35 แสนล้านบาท

2) COVID-19 คลี่คลายขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการของรัฐ โดยใน Q3/64 รัฐมีการใช้มาตรการปิดแคมป์คนงานแบบเข้มงวด

3) การนำเข้าแรงงานทำได้คล่องตัวขึ้น หลังการเปิดประเทศ โดยข้อมูลแรงงานต่างด้าวล่าสุดใน ก.ค.65 อยู่ที่ 2.3 ล้านคน ทยอยปรับตัวขึ้น นับตั้งแต่ เม.ย.65 ที่ 2 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้ง แต่การระบาดCOVID-19

4) ราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณอ่อนตัว โดยดัชนีวัสดุก่อสร้างเดือน ส.ค.อ่อนตัว -0.4% MoM ปรับตัวลง MoM เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันตามทิศทางราคาเหล็ก

ประเมิน 5 หุ้นรับเหมาฯ ประกอบด้วย

CK: คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท อิง SOTP จาก 1) มี catalyst เฉพาะตัวจากความคืบหน้าสัญญา EPC โครงการหลวงพระบางใน ครึ่งหลังปี 65 , 2) ผลการดาเนินงาน ครึ่งปีหลังและนับจากนี้อยู่ในทิศทางที่ดีตาม backlog ที่กลับสู่ขาขึ้น ขณะที่บริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างจากัดจากการปรับขึ้นค่าแรง, และ 3) หากการฟ้องร้องสายสีส้มคลี่คลายและสามารถลงนามสัญญาได้ เราประเมินจะเป็น upside ต่อ CK ราว 6-7 บาท/หุ้น

PYLON: คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท อิง ปี 65 PER 27x (+1.5SD above 5-yraverage PER โดยคำนวณไม่รวมช่วงปี 2017) โดยมี catalysts เพิ่มเติมจาก 1) การเจรจาโครงการเอกชนขนาดใหญ่มูลค่า 1 พันล้านบาท จะทราบผลเดือน ก.ย. นี้ และ 2) มีโอกาสสูงในการได้ส่วนแบ่งงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

RT: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 1.60 บาท อิง 65 PBV 1.35x (-1.5SD below 2-yraverage PBV) โดยเรายังกังวลต่อทิศทาง GPM ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากการแข่งขันด้านราคาอย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสปรับคาแนะนำขึ้น หาก GPM มีสัญญาณดีขึ้นรวมถึงการเจรจางานใหม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะงานเพิ่มเติมในโครงการอุโมงค์ทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการโรงไฟฟ้ าพลังน้ำหลวงพระบาง

SEAFCO: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท อิง 65 PBV 1.8x (-1.5SD below 5-yr average PBV) แม้สถานการณ์แรงงานและแนวโน้มงานใหม่และงานศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี(ส่วนต่อขยาย) ทยอยเห็นพัฒนาการ แต่เราคงมุมมองระมัดระวังจากระยะสั้น ผลการดำเนินงานจะขาดทุนต่อเนื่องใน Q3/65 และการนำเข้าแรงงานที่ยังต้องใช้เวลากลับสู่ระดับปกติ

STEC: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท อิง 65 PER 24x (+0.5SD above 3-yraverage PER) แม้ backlog ปัจจุบันจะอยู่ในระดับสูงถึง 1 แสนล้านบาท แต่เรายังมีความกังวลในคุณภาพ backlog และ GPM ที่ผันผวน ขณะที่บริษัทขาด catalyst การประมูลโครงการใหม่

ราคาหุ้นก่อนเลือกตั้ง ราคาหุ้นหลังเลือกตั้ง

6 เดือน 3 เดือน 1 เดือน 1 เดือน 3 เดือน
SET กลุ่มรับเหมา -7.50% -0.80% 0.90% 3.20% 5.10%
CK -1.40% -4.40% -2.10% 0.30% 6.70%
STEC 0.90% -4.50% 3.90% 6.20% 7.70%
SEAFCO -4.30% -17.60% -1.70% 2.70% 14.10%
PYLON -7.50% -12.60% -0.70% -1.60% -5.80%
ITD -19.80% -10.10% -6.60% 1.90% -0.70%

ที่มา : บล.ดาโอ


กำลังโหลดความคิดเห็น