xs
xsm
sm
md
lg

โรงเรียนเอกชนเร่ที่ขายที่ดินหลังขาดทุนต่อเนื่อง อสังหาฯ สบช่องซื้อผุดคอนโดฯ ใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในกรุงเทพมหานครมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่หลายแห่ง ทั้งเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่ และโรงเรียนนานาชาติที่ขยายสาขาหลังจากที่มีอยู่ปัจจุบันมีขนาดเล็กไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการทางการศึกษาในกรุงเทพมหานครยังคงมีอยู่ แต่สวนทางกับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ที่ออกข่าวว่ามีโรงเรียนเอกชนในระบบทั่วประเทศไทยยื่นขอเลิกกิจการจำนวนมาก

สุรเชษฐ กองชีพ
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้โรงเรียนเอกชนจำนวนมากประสบกับปัญหาขาดทุนคือ จำนวนเด็กที่เข้าสู่ระบบการศึกษาลดลง จำนวนประชากรไทยที่เกิดใหม่ในปี 2564 ลดลงจากปี 2554 ประมาณ 251,530 คน และลดลงจากปี 2544 ประมาณ 221,530 คน เท่ากับว่าช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เด็กหายไปจากระบบการศึกษา 221,000-251,530 คน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อโรงเรียนทุกประเภท แต่โรงเรียนเอกชนได้รับผลกระทบมากกว่าโรงเรียนของรัฐบาลเพราะไม่มีเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เจ้าของกิจการโรงเรียนเอกชนหลายแห่งทยอยปิดกิจการมาต่อเนื่องในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องของรายได้ที่ลดลงจากจำนวนนักเรียนที่ลดลงเพราะย้ายไปเรียนในระบบการศึกษาแบบนานาชาติมากขึ้น รวมไปถึงโรงเรียนบางประเภทที่เสื่อมความนิยม หรือไม่ได้รับความสนใจแบบในอดีตอีกแล้ว เช่น การเรียนการสอนสายช่างหรือวิชาชีพต่างๆ และสายพาณิชยกรรม

ทั้งนี้ โรงเรียนเอกชนระดับต่างๆ ที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่ประสบปัญหาขาดทุนหรือหาผู้สืบทอดกิจการไม่ได้ตัดสินใจขายที่ดินออกมาค่อนข้างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมาเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ เพราะขนาดที่ดินของโรงเรียนค่อนข้างใหญ่ และอยู่ในชุมชนที่มีคนจำนวนมากอาศัยอยู่ และเมื่อมีเส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการยิ่งเพิ่มศักยภาพของที่ดินให้สูงขึ้นจากในอดีตบางโรงเรียนเปิดกิจการมานานกว่า 20-30 ปี แต่เมื่อทายาทไม่ต้องการรับช่วงกิจการต่อ หรือจำนวนนักเรียนลดน้อยลงจากปัญหาต่างๆ การเลิกกิจการและขายที่ดินออกไปจึงกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้ต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเมื่อครบสัญญาเช่าที่ดินแล้วเจ้าของที่ดินไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน


เนื่องจากต้องการขายที่ดินออกไปก็มีเพราะได้รับข้อเสนอในเรื่องของราคาที่ดินที่น่าสนใจ เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ดินเหล่านี้เป็นโรงเรียนมายาวนานกว่า 20-30 ปี หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่ราคาที่ดินยังต่ำ จนถึงวันที่ราคาที่ดินสูงเกินกว่า 100,000-150,000 บาทต่อตารางวา สำหรับที่ดินในซอยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ไปจนถึงตารางวาละ 1 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นในหลายทำเลซึ่งเป็นราคาที่ดินในช่วง 10-20 ปีก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของโรงเรียนเอกชนจำนวนมากตัดสินใจยกเลิกกิจการโรงเรียนแล้วขายที่ดิน ซึ่งการขายหรือปล่อยเช่าที่ดินออกไปให้เจ้าของใหม่ มีทั้งเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากเดิมไปเป็นโครงการอีกรูปแบบหนึ่งเลย หรือเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนเป็นการเรียนการสอนแบบนานาชาติแทน

นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนเอกชนอีกหลายแห่งที่ปิดกิจการไปนานกว่า 10 ปี หรือมากกว่านั้น แต่ยังคงสภาพอาคารไว้เช่นเดิมไม่ได้รื้อถอนอาคารออกไปเพราะว่าสัญญาเช่าที่ดินยังคงเหลือยู่กับเจ้าของที่ดิน เพียงแต่ปรับการใช้ประโยชน์อาคารไม่ได้เนื่องจากสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินอาจจะระบุว่าเช่าที่ดินเพื่อทำเป็นโรงเรียนเท่านั้น ไม่สามารถปรับเป็นอาคารเพื่อการใช้ประโยชน์แบบอื่นได้อาจจะมีโรงเรียนเอกชนบางแห่งที่ปิดกิจการไปแล้วและปรับให้พื้นที่จอดรถของโรงเรียนเป็นที่จอดรถเอกชนที่รับจอดรถรายวัน หรือรายเดือนหรือปล่อยเช่าลานจอดรถของโรงเรียนเพื่อให้ผู้ประกอบการเรื่องที่จอดรถเข้ามาบริหารพื้นที่แทน ส่วนของห้องเรียนหรืออาคารบางส่วนอาจจะปรับให้เช่าเป็นสำนักงานขนาดเล็ก หรือที่เก็บของซึ่งยังเป็นการสร้างรายได้อีกรูปแบบหนึ่งทดแทนการขาดรายได้จากการเปิดรับนักเรียนไปได้ รวมไปถึงการปล่อยเช่าเป็นโรงเรียนสอนภาษา หรือสอนเสริมสอนพิเศษไป แต่ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาโรงเรียนสอนภาษาสอนพิเศษทยอยยกเลิกสัญญาเช่าเพราะไปเน้นสอนออนไลน์หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเช่าอาคารอีกต่อไป

การขายที่ดินของโรงเรียนเอกชนในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดขึ้นในทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าอาจจะดูแล้วไม่เยอะมาก แต่สะท้อนให้เห็นว่ามีการเลิกกิจการของโรงเรียนเอกชนจำนวนไม่น้อยจริง อีกทั้งมีหลายโรงเรียนที่ปิดกิจการไปแล้วแต่ไม่ได้ซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินยังคงเก็บที่ดินไว้กับครอบครัว หรือเจ้าของที่ดินยังไม่อยากขายออกมาในช่วงที่ผ่านมาหรือเปลี่ยนเป็นโรงเรียนอีกรูปแบบที่สอดคล้องกับปัจจุบันมากกว่าซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมายังคงเห็นข่าวการปิดตัวของโรงเรียนเอกชนหลายระดับการศึกษาต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด แม้ว่าหลายโรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอนมายาวนานกว่า 50 ปีก็ตาม เพราะราคาที่ดินที่สูงขึ้นในหลายทำเลทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครสวนทางกับรายได้ของโรงเรียนเอกชนที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


ในอนาคตเชื่อว่าที่ดินที่เคยเป็นโรงเรียนเอกชนในระบบการศึกษาระดับต่างๆ จะทยอยเปลี่ยนมือมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อไม่ได้เป็นโรงเรียนยกเลิกใบอนุญาตแล้วต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นแรงกดดันใหม่ให้เจ้าขงอที่ดินที่เคยเป็นโรงเรียนเอกชนมาก่อน อีกทั้งหลายโรงเรียนที่เคยเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอดีตอาจจะแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นในการเลิกกิจการ เนื่องจากรายได้ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการดำเนินกิจการแล้ว โรงเรียนเอกชนที่มีที่ดินใหญ่โต มีหลายอาคารอาจจะให้เช่าดินหรืออาคารบางส่วนกับบุคคลหรือเอกชนรายอื่นเพื่อหารายได้ รวมไปถึงถ้าเจ้าของโรงเรียนมีโรงเรียนในเครือหลายแห่งและหลายระดับการศึกษาอาจจะมีการรวมนักเรียนเข้าไว้ที่เดียวกัน หรือให้นักเรียนจากอีกระดับการศึกษาที่ยังมีจำนวนนักเรียนเยอะอยู่มาใช้อาคารของโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนลดน้อยลงไป

ดังนั้น เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้หมุนเวียนในองค์กรทิศทางของโรงเรียนเอกชนในประเทศไทยทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษาคงต้องปิดกิจการกันมากกว่าที่ผ่านมาแน่นอน เพราะจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงต่อเนื่อง และมีทิศทางที่ลดลงแน่นอนในอนาคต จำนวนเด็กนักเรียนเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนลดน้อยลงเช่นกัน แม้ว่าอาจจะมีเด็กต่างประเทศเข้าเรียนในประเทศไทยมากขึ้น คงไม่สามารถทดแทนหรือสร้างรายได้ให้เจ้าของกิจการโรงเรียนเอกชนให้ดำเนินกิจการต่อไปได้


กำลังโหลดความคิดเห็น