หลังจากที่ สำนักงาน ป.ป.ช.เผยแพร่บัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินของนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ เมื่อวันที่ 11ส.ค. กรณีเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 โดยนายชัชชาติ แจ้งสถานภาพหย่าเมื่อ 9 ส.ค.60 โดยมีทรัพย์สินรวม 42,852 ,348 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 10 บัญชี 10,680 ,807 บาท เงินลงทุน ในกองทุนเปิด หุ้น ตราสารหนี้ 4,338,623 บาท ที่ดินในเขตพระโขนงซึ่งได้มาจากการให้ 18.6 ล้านบาท ยานพาหนะ 2 คัน เป็นรถยนต์ BMW 730 Ld Pure Excellnce และ Toyota Vellfire รวม 3.4 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 3,139,973 บาท ทรัพย์สินอื่น 2,692,943 บาท เป็นนาฬิกา Rolex รุ่น GMT Master ll จำนวน 1 เรือน มูลค่า 110,000 บาท สร้อยคอทองคำมูลค่า 250,000 บาท พระสมเด็จจิตรลดา 1 องค์ราคาประเมิน 1.2 ล้านบาท พระเครื่องหลวงปู่ทวดราคา 5 แสนบาท เหรียญ CRYPTO ใน 2 สกุลเหรียญ คือ Ethereum (ETH) จำนวน 5.36320545 เหรียญ โดยมีมูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ยื่นบัญชีคือ 354,256 บาท และเหรียญ Kubcoin (KUB) คริปโตสัญชาติไทย จำนวน 434.66760203 เหรียญ มูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ยื่นบัญชีคือ 48,687 บาท จักรยาน BROMTON ราคา 8 หมื่นบาท และจักรยาน S-WORKS ราคา 150,000 บาท
ซึ่งจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและมีการถือครองเหรียญคริปโตของนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ทำให้เป็นที่สนใจของเหล่านักลงทุนรุ่นใหม่ จากการสร้างแรงบันดาลใจและความนิยมชมชอบที่มีต่อตัว นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ซึ่งหลายคนยกย่องให้เป็นไอดอล และได้รับฉายาว่าเป็น "ผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
โดยล่าสุดเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผู้ว่าชัชชาติจะมาวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน โดยมีกลุ่มนักวิ่งวัยรุ่น และทีมงานของ กทม. คอยร่วมวิ่งออกกำลังกายด้วย โดยในระหว่างนั้นผู้ว่าชัชชาติได้มีการพูดคุยกับประชาชนและเหล่าวัยรุ่นนักวิ่งที่เป็นแฟนคลับได้เข้ามาทักทาย และสอบถามถึงปัญหาต่างๆ โดยได้มีประเด็นในเรื่องของการลงทุนคริปโต เป็นประเด็นที่สร้างความสนใจต่อการสนทนาอย่างมาก หลังจากที่มีนักลงทุนวัยรุ่นคริปโต สอบถามขอคำแนะนำจากผู้ว่าชัชชาติในแนวทางการลงทุน ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า “ความเสี่ยงที่สุด คือการไม่เจอความเสี่ยงเลย” ในที่นี้หมายความว่า ในการลงทุนคริปโตเนี่ย เรารู้ว่ามันมีความเสี่ยง ถามว่าทำไมเราถึงไปลงทุน ก็เพื่อให้เรารู้จักมัน รู้ว่ามันขึ้นอย่างไร วิธีเทรดเป็นอย่างไร ให้เรารู้ว่ามันมีโอกาสสูญได้”
ขณะเดียวกันในส่วนของการสนทนานั้น ทางด้านทีมงานผู้ว่า กทม. ที่ร่วมวิ่งด้วยก็ให้มุมมองความเห็นเสริมว่า "บางทีที่เราลงทุนไป เพราะมีความโลภ เพราะเห็นคนอื่นได้ ก็อยากได้บ้าง ซึ่งผู้ว่าชัชชาติก็แสดงความเห็นด้วยการเตือนสติว่า “ถึงมีความรู้เยอะ ก็อย่าไปโลภมาก บางคนรู้ไม่เยอะแต่ก็คิดว่ารู้เยอะ ทำให้มั่นใจ เราต้องยำเกรงในความไม่รู้”
“คือผมมีหลักการง่าย ๆ นะ ไม่มีใครทำเงินตกให้เราเก็บหรอก ไม่มีอะไรที่ง่ายขนาดนั้น เพราะงั้นมันต้องมีการศึกษา และถ้ามันฟังดูเหมือนดีเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้ มันก็คงไม่ใช่ความจริงหรอก ใช่มะ”
อย่างไรก็ตามการออกมาแนะนำของผู้ว่า กทม.ในครั้งนี้ เพื่อเตือนสติวัยรุ่นคริปโต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สนใจในการแสวงหาความมั่งคั่งจากการเก็งกำไรเหรียญ ซึ่งมีนักลงทุนจำนวนมาก ได้รับความเสียหายจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในภาวะที่ตลาดผันผวน และบางส่วนที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการลงทุน เนื่องจากตลาดคริปโตยังเป็นตลาดการลงทุนรูปแบบใหม่ และถูกจัดให้เป็นตลาดสินทรัพย์เสี่ยงสูง ซึ่งมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ลงทุนตามกระแสกลุ่มใบ้เหรียญของนักลงทุนรายใหญ่ในสื่อโซเชียลต่างๆหลอกล่อให้ช่วยลากราคาเหรียญ และหลงเชื่อเข้าไปติดกับทำให้ได้รับความเสียหายสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการเอาชนะตลาดที่ไปกู้เงินมาเพื่อลงทุนเพิ่ม แต่กลับได้รับความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม