หุ้น "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์" วิ่งทันที หลัง บล.เครดิต สวิส ปรับเรตติ้ง GULF เป็น "Outperform" เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งขึ้น จะทำให้ระยะห่างของการแข่งขันกว้างขึ้น และ GULF ส่งผ่านต้นทุนไปยัง กฟผ. คาดอีก 5 ปีข้างหน้า GULF จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี หรือ CA (MW) ที่เพิ่มขึ้น 15%
ราคาหุ้น GULF หรือบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดด้วยราคา 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,725.92 ล้านบาท ถือว่าทำ All Time High และปิดตลาดราคาหุ้นปิดที่ 56 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 9.80% มูลค่าซื้อขาย 6,109.35 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นรับกับการที่บริษัทหลักทรัพย์เครดิต สวิส ปรับเรตติ้งเป็น Outperform หรือหลักทรัพย์ที่คาดว่าราคาขึ้นไปประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนตลาด เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งขึ้น จะทำให้ระยะห่างของการแข่งขันกว้างขึ้นสำหรับ GULF จากการดำเนินงานที่ส่งผ่านต้นทุนได้ไปยัง กฟผ. ด้านคู่แข่งในตลาดรายอื่นๆ ต้องเผชิญกับปัญหามาร์จิ้นที่แคบลง ซึ่งมองเป็นโอกาสสำหรับ GULF ขณะที่รายอื่นกำลังมองหาการชําระกิจการและทรัพย์สิน หรือมีความมุ่งมั่นที่จะประมูลงานใหม่น้อยลง
ทั้งนี้ เครดิตสวิสคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า GULF จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี หรือ CA (MW) ที่เพิ่มขึ้น 15% อ้างอิงจากโครงการที่มีอยู่ในมือขณะนี้ และการลงทุนใหม่ๆ จะเป็นการเพิ่มอัปไซด์ขึ้นไปอีก ด้านการเติบโตในขั้นที่สอง เครดิตสวิสระบุว่า แม้ CAPEX ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะใช้ไปกับการเข้าซื้อ INTUCH หรือบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) แต่ 85% ของ CAPEX อีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะถูกใช้ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งรวมถึงก๊าซ และพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทย และต่างประเทศ และธุรกิจ LNG ด้วย
ขณะรัฐบาลไทยคาดว่าจะเร่งการเปิดโครงการพลังงานหมุนเวียน ท่ามกลางความต้องการจากเอกชนที่สูง ซึ่งการผนึกกำลังของ GULF และ INTUCH คาดจะชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ GULF จะรายงานกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หนุนโดยกำลังการผลิตของ IPP รวม 5 GW นอกจากนั้น การเข้าซื้อกิจการ ประมูลโครงการใหม่ และการเร่งตัวของการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน จะช่วยสร้างปัจจัยบวกให้บริษัท พร้อมให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 61 บาท ประเมินรายได้ปี 65 ที่ 9.23 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 94% จากปีก่อน) และกำไร 1.19 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อน)