บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โดยนายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดตัว “Dime!” (ไดม์) ชูเป็นแอปพลิเคชันที่มุ่งข้ามทุกข้อจำกัดของการออมและการลงทุน ไม่ว่าด้านความรู้หรือรายได้ ประเดิมด้วยบริการหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1.บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงสุด 3% 2.บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาท คิดค่าธรรมเนียมตามจริง และ 3.บัญชีกองทุนรวม ที่ซื้อขายกองทุนรวมได้จากทุก บลจ. รวมกว่า 1,700 กอง หวังช่วยบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น
นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime)กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยกว่า 75% เก็บออมความมั่งคั่งในรูปของเงินสด มีเพียง 3% เท่านั้นที่รักษาความมั่งคั่งในรูปของการลงทุน โดยพบว่าสาเหตุหลักที่คนไทยไม่นิยมออมเงินด้วยการลงทุนมาจาก หนึ่ง ความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนยังมีช่องว่าง และสอง การให้บริการด้านการลงทุนมีต้นทุนสูง ดังนั้น หากผู้ให้บริการผลักภาระต้นทุนนี้ไปที่ผู้บริโภค ค่าใช้จ่ายที่สูงอาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกที่จะไม่ลงทุน Dime! จึงเกิดขึ้นมาเพื่อขจัดอุปสรรค 2 ข้อนี้ โดยมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาสร้างธุรกิจการเงินดิจิทัลที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่ในขณะเดียวก็เข้าถึงได้ง่าย ด้วยค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงิน โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความรู้ ประสบการณ์ ความมั่งคั่ง หรือรายได้ เราเชื่อว่าบริการของ Dime! จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ
ด้าน นายฉัตริน ลักษณบุญส่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่อยากลงทุน คือ การเข้าถึงข้อมูล เพราะข้อมูลเบื้องลึกที่ใช้สำหรับตัดสินใจลงทุนมักมาพร้อมค่าใช้จ่าย แต่สำหรับแอปพลิเคชัน Dime! ตั้งแต่วินาทีแรกที่ดาวน์โหลด ลูกค้าทุกคนสามารถดูข้อมูลหุ้นต่างประเทศ ดูข้อมูลกองทุนรวมทุกชนิด รวมถึงอ่านบทความที่ให้ความรู้ทางการเงินได้ฟรีทันที นอกจากนี้ Dime! ยังทำให้การเงินเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับทุกคน โดยลดขั้นตอนการเปิดบัญชีให้ลูกค้าสามารถเปิดทั้งบัญชีด้านการออม และบัญชีด้านการลงทุนพร้อมกันได้ในครั้งเดียว แม้กระทั่งการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ซึ่งปกติสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย มักบังคับจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่สูง และมีภาระค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และการทำเอกสารหลายขั้นตอน Dime! ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ด้วยเงินบาท และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาทเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในตลาดขณะนี้
โดยในระยะเริ่มต้น บริการหลักซึ่งลูกค้าจะได้ครบทุกบริการในทันทีที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน มีดังนี้
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ Dime! Save บัญชีเงินฝากซึ่ง Dime! ร่วมมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 3% ไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี โดยลูกค้าสามารถฝากเงินหรือโอนเงินได้โดยยืดหยุ่น และไม่มีเงื่อนไขมากเหมือนบัญชีฝากประจำ นอกจากนั้น ยังแอปพลิเคชันยังมีลูกเล่นให้ลูกค้าสามารถตกแต่งสลิปยืนยันการโอนเงินได้ ทำให้การใช้งานเป็นเรื่องสนุก และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์
บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ บัญชีนี้ทำให้การลงทุนในหุ้นต่างประเทศทำได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาทก็สามารถเป็นเจ้าของหุ้นชื่อดังในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม เช่น ซื้อหุ้นต่างประเทศด้วยเงินบาทได้ หรือถ้าลูกค้าอยากแลกเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐเอง Dime! ก็จะแลกให้ทันที ไม่ต้องรอถึง 2 วันทำการ ผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นค่าคอมมิชชันเดือนละหนึ่งครั้งสำหรับการซื้อหรือขายครั้งแรกของทุกเดือน และรายการซื้อขายต่อไป ก็จะเก็บตามจริงที่ 0.15% ของมูลค่าซื้อหรือขาย ไม่มีค่าคอมมิชชันขั้นต่ำ และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมโอนเงิน แลกเงิน หรือค่าธรรมเนียมยื่นแบบภาษี W-8BEN และที่พิเศษยิ่งกว่า คือ ลูกค้าที่เปิดบัญชีลงทุนภายในปี 2565 นี้ Dime! จะยกเว้นค่าคอมมิชชันให้ถึง 30 มิถุนายน 2566
บัญชีกองทุนรวม ซื้อขายกองทุนรวมได้ทุก บลจ. บัญชีกองทุนรวมของ Dime! สามารถลงทุนได้ทุกที่แบบไม่จำกัดค่าย โดยปัจจุบัน Dime! รวบรวมกองทุนรวมในไทยมากกว่า 1,700 กองทุน จาก 21 บลจ. ภายในปี 2565 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตามหุ้นรายตัว และผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ Dime! ยังมีการจัดหมวดหมู่รายชื่อกองทุนรวมที่น่าสนใจ ภายใต้ธีมต่างๆ ช่วยให้ผู้ลงทุนเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีบริการ Dime! Fast ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนภายใน 2 วันทำการ หลังส่งคำสั่งขายหน่วยลงทุน รวดเร็วกว่าแบบปกติที่อาจต้องรอนานถึง 7 วันทำการ
นายกัมพลกล่าวเพิ่มเติมว่า คำว่า Dime แปลว่า เหรียญเพนนีที่มีมูลค่าเพียง 10 เซนต์ หรือประมาณ 3 บาท ซึ่งสื่อถึงว่าเราต้องการเข้าไปสู่กลุ่มที่รายย่อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการลงทุนมากนัก ซึ่งจะสามารถเห็นถึงผลิตภัณฑ์ของเราที่ออกมาจะคำนึงถึงคนกลุ่มนี้เป็นหลัก และจะมีมากขึ้นในอนาคต โดยในเบื้องต้นปีนี้เราตั้งเป้าหมายจำนวนผู้ใช้แอป 1.5 แสนราย และมียอดเงินใน 3 ธุรกิจดังกล่าวรวม 150 ล้านบาทในปีนี้ รวมถึงตั้งเป้าหมายมีจำนวนผู้ใช้แอปฯในหลักล้านรายในปี 68 โดยในระยะถัดไปจะพัฒนาผลิตเพิ่มเติม ทั้งด้านกองทุนต่างๆ บัตรเครดิต และไมโครประกันภัย รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะช่วยเราสามารถขยายฐานลูกค้าต่อเนื่องได้
นายเฉลิมวุฒิ ชมะนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยีกล่าวว่า “จุดแข็งหนึ่งของ Dime! คือ แม้ว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการเงิน แต่เรามีวัฒนธรรมองค์กรและกระบวนการทำงานแบบบริษัทเทคฯ สตาร์ทอัป เราได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากทั้งในและนอกวงการการเงิน มาร่วมกันออกแบบโครงสร้างเทคโนโลยี โดยใช้สถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และวางโครงสร้างทีมให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว เราจึงสามารถออกแบบ สร้าง และเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานของระบบ เพื่อรองรับปริมาณรายการธุรกรรมของผู้ใช้งานที่จะเติบโตต่อไปได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้
ด้านระบบการรองรับธุรกรรมนั้น จากเป้าหมายจำนวนผู้ใช้แอปที่ตั้งไว้ในปลายปีนี้ที่ 150,000 รายนั้น ระบบของ Dime จะมีความสามารถรองรับการใช้งานได้มากกว่า 5 เท่าของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และหากมีจำนวนธุรกรรมถึง 40% ของ 5 เท่าระบบจะแจ้งเตือนและขยายสเกลการรองรับธุรกรรมโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ เท่าที่ได้ทดลองใช้แอป Dime! กับกลุ่มธนาคารเกียรตินาคินภัทรแล้ว จุดที่ยังติดขัดนั้นพบว่าเป็นการยืนยันตัวตนในการเปิดบัญชีเงินฝากในกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนผ่านระบบสถาบันการเงินมาก่อน จึงทำให้มีปัญหาในการยืนยันตัวตนผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (NDID) และทำให้ลูกค้าต้องใช้การยืนยันตัวตนที่สถาบันการเงินแทน