ผู้บริหารฝ่ายสินทรัพย์ดิจิตอลของเจพีมอร์แกนชี้สินทรัพย์คริปโตส่วนใหญ่ในตลาดยังเป็นแค่ “ขยะ” และยังไม่ถึงเวลาสำหรับกรณีการใช้งานจริง ขณะที่แบงก์ชาติสิงคโปร์เตรียมออกกฎใหม่เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเทรดคริปโตยากขึ้นในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่า นักลงทุนเหล่านั้นไม่รับรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างไร้เหตุผล
อูมาร์ ฟารุค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) โอนิกซ์ ดิจิตอล แอสเส็ตส์ (ODA) ของเจพีมอร์แกน วาณิชธนกิจแถวหน้าของสหรัฐฯ กล่าวในงานสัมมนา กรีน ชูตส์ ที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (30 ส.ค.) ว่า กฎระเบียบของทางการยังไล่ตามอุตสาหกรรมคริปโตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วไม่ทัน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางสถาบันการเงินดั้งเดิม (TradFi) หลายแห่งไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดสกุลเงินดิจิตอล
เขาเสริมว่า คริปโตส่วนใหญ่ในตลาดตอนนี้ ยกเว้นแค่โทเคนไม่กี่สิบสกุล ยังเป็นแค่ขยะ ดังนั้น เขาจึงมองว่า กรณีการใช้งานจริงยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
ฟารุคสำทับว่า อุตสาหกรรมคริปโตยังไม่สุกงอมพอที่จะใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมมูลค่าสูงอย่างจริงจังระหว่างสถาบันการเงินดั้งเดิม หรือโฮสต์ผลิตภัณฑ์ เช่น เงินฝากที่แปลงเป็นโทเคน
ในทางกลับกัน เขาเชื่อว่า คริปโต บล็อกเชน และเว็บ3 ยังพัฒนาไม่สุดจึงเป็นช่องทางสำหรับการเก็งกำไรอย่างแพร่หลายในขณะนี้
ทั้งนี้ แม้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือได้ว่า เจพีมอร์แกนเป็นสถาบันการเงินที่เป็นมิตรต่อคริปโต แต่โฟกัสหลักของแบงก์ใหญ่แห่งนี้อยู่ที่เทคโนโลยีบล็อกเชนและวิธีการนำไปใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อปรับปรุงบริการของสถาบันการเงินดั้งเดิม
ในงานสัมมนาเดียวกันนั้น ราวี เมนอน กรรมการผู้จัดการ MAS เผยว่า สิงคโปร์มีแผนออกกฎข้อบังคับใหม่ที่จะทำให้นักลงทุนรายย่อยเทรดคริปโตยากขึ้นในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่า นักลงทุนเหล่านั้นไม่รับรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างไร้เหตุผล
ระหว่างการอภิปรายเมื่อวันจันทร์ (29 ส.ค.) เมนอนแจกแจงว่า แม้มีคำเตือนและมาตรการต่างๆ มากมาย แต่ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคทั่วโลกซื้อขายคริปโตกันมากขึ้นเนื่องจากเชื่อว่า ราคาจะพุ่งทะยานแรง จนทำให้ดูเหมือนไม่รับรู้อย่างไร้เหตุผลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเทรดสกุลเงินดิจิตอล
เมนอนระบุความเสี่ยง 5 ข้อที่เป็นจุดมุ่งเน้นของแนวทางของ MAS ได้แก่ การป้องกันการฟอกเงินและความเสี่ยงในการระดมเงินสนับสนุนการก่อการร้าย การจัดการเทคโนโลยีและความเสี่ยงเกี่ยวกับไซเบอร์ การป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับนักลงทุนรายย่อย การสนับสนุนคำสัญญาเกี่ยวกับเสถียรภาพของสเตเบิลคอยน์ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดกับเสถียรภาพทางการเงิน
ทั้งนี้ MAS มองว่าคริปโตไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเงินและมีความเสี่ยงสูงสำหรับนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากขาดคุณสมบัติหลัก 3 ประการของเงินตราคือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เก็บรักษามูลค่าได้ และเป็นหน่วยวัดได้
เขาสำทับว่า สิ่งที่ MAS กำลังพิจารณาคือ การเพิ่มแรงเสียดทานเพื่อคัดกรองการเข้าถึงคริปโตของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งอาจรวมถึงการทดสอบความพร้อมของผู้บริโภค หรือการจำกัดการใช้บริการสินเชื่อเพื่อการเทรดคริปโต โดย MAS จะสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ภายในเดือนตุลาคม
ปัจจุบัน สถานการณ์ราคาคริปโตยังคงล้มลุกคลุกคลาน ขณะที่อเมริกาขึ้นดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งลิ่วกระตุ้นให้นักลงทุนหันหลังให้สินทรัพย์เสี่ยง
ขณะเดียวกัน การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทคริปโตบางแห่งที่ตั้งฐานในสิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งหลายแห่งไม่ได้อยู่ภายใต้แนวทางการคุ้มครองผู้บริโภคและการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม ทำให้ทางการแดนลอดช่องกังวลมากขึ้นและครุ่นคิดเรื่องการยกระดับกฎระเบียบให้เข้มงวดขึ้นโดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา MAS ได้ประเดิมออกแนวทางสกัดไม่ให้ผู้ให้บริการเทรดคริปโตโปรโมทบริการของตัวเองต่อสาธารณชน
อนึ่ง แรกเริ่มนั้นสิงคโปร์ให้การต้อนรับคริปโตเป็นอย่างดี ซึ่งช่วยดึงดูดบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริการสินทรัพย์ดิจิตอลจากจีน อินเดีย และประเทศอื่นๆ เข้าไปตั้งฐานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางคริปโตของเอเชีย