“ลิวกง หรือ Liugong” ผู้ผลิตรถตักล้อยางรายแรกของประเทศจีน และเป็นผู้นำตลาดรถตักล้อยางของโลก จับมือร่วมทุนบริษัท ยนต์ตระการเครื่องจักรกล จำกัด จัดตั้ง บริษัท ลิวกง ยนต์ตระการ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 167 ล้านบาท ถือหุ้น 49/51 เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมลงนามแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรายย่อย 4 แห่ง ซื้อเครื่องจักรหลายเครื่อง รวมถึงรถตักล้อยางรุ่น 856H-E Max ที่เปิดตัวใหม่ พร้อมเตรียมลุยตลาดครั้งใหญ่เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบ 34 ไลน์ กินรวบเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลหนักในประเทศไทย
นายโหล กั๋วปิง รองประธานลิวกง กรุ๊ป กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการร่วมทุนในต่างประเทศแห่งแรกระหว่าง LiuGong และตัวแทนจำหน่ายของไทย บริษัท ยนต์ตระการเครื่องจักรกล จำกัด จัดตั้งเป็นบริษัท ลิวกง ยนต์ตระการ จำกัด ที่มุ่งมั่นที่จะให้บริการโซลูชันที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าชาวไทย และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบบอย่างให้ LiuGong ในการหาตัวแทนจำหน่ายในการสร้างความสัมพันธ์ในประเทศอื่นๆ ด้วยความร่วมมือระยะยาว และการพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่นที่ยั่งยืน
จุดแข็งของฝั่งยนต์ตระการ คือ เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรก่อสร้างมืออาชีพก่อตั้งมากว่า 33 ปี และเป็นผู้นำตลาดในการขายรถตักล้อยางอันดับ 1 ในประเทศไทยกว่า 10 ปี และมีความสามารถทางการเงิน และสินเชื่อทั้งหมด 26 เครือข่าย ทั้งบริการทั้งด้านซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และลีสซิ่ง รวมถึงบริการที่แข็งแกร่ง พร้อมวิศวกรกว่า 200 คน ครอบ คลุมทั่วประเทศ รวมถึงการให้บริการหลังการขายเต็มรูปแบบ
สำหรับลิวกง LiuGong เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรหนักชั้นนำของโลก ก่อตั้งมากว่า 64 ปี โดยมีไลน์ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรหนัก 34 ไลน์ ซึ่งดีที่สุดในระดับเดียวกัน และด้วยเทคโนโลยีชั้นนำกับศูนย์ R&D แห่งชาติจีน เราได้มีการเปิดศูนย์วิจัย และพัฒนาระดับโลกถึง 5 แห่งด้วยกัน นอกจากนี้ เรายังมี 31 บริษัทย่อยในต่างประเทศ และศูนย์อะไหล่ไว้บริการ 12 แห่งในต่างประเทศ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 316 แห่ง ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก
และในพิธีเปิด นายหวัง หลีผิง รัฐมนตรีที่ปรึกษาสำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนในราชอาณาจักรไทย ได้ส่งคำอวยพรผ่านวิดีโอ นายประทีป กรรมมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพลละศักดิ์ เรืองปัญญาโรจน์ กรรมการบริหารสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) นายหลัว ก๊วบปิง รองอธิการบดี LiuGong Machinery นางมุกดา พฤทธิธาดา ประธานบริษัทยนต์ตระการ นายกิตติชัย พฤฒิธาดา ผู้จัดการทั่วไป ยนต์ตระการ และ ลูกค้ากว่า 300 รายจากประเทศไทย กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ พม่า สิงคโปร์ และแขกจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ร่วมเป็นสักขีพยานในการก่อตั้ง LiuGong Yontrakarn ในครั้งนี้
ในระหว่างงาน LiuGong ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงรถตักล้อยางไฟฟ้ารุ่น 856H-E MAX รถปูผิวทาง 508E รถขุดรุ่น 952E HD และรถตัดอ้อย S935 สำหรับตลาดไทยได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ ยังได้สัมผัสกับโซลูชันผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักในกลุ่มเหมืองหิน และเหมืองแร่ โซลูชันด้านการเกษตร และการเปิดตัวศูนย์บริการมาตรฐานให้บริการแบบ 24 ชม.อีกด้วย
นายโหล กั๋วปิง กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดไทยในปี 2552 LiuGong ได้ร่วมมือกับ Yontrakarn ในการทำตลาดรถตักล้อยาง จนมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศไทย และสามารถสร้างชื่อเสียงที่ดีในตลาดอุตสาหกรรมด้วย
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ของ LiuGong ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้พวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยด้วยการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว วันนี้การเปิด LiuGong Yontrakarn ถือเป็นการดำเนินการตามกลยุทธ์ของ LiuGong ในประเทศไทย และมันจะเป็นก้าวสำคัญสำหรับโลกาภิวัตน์ LiuGong” นายโหล กั๋วปิง กล่าวในสุนทรพจน์ของเขา
ในปี 2562 ที่ผ่านมา LiuGong ได้จัดตั้ง Call Center ในประเทศไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ รวมถึงบริการหลังการขาย และในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 LiuGong ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ใหม่สำหรับสายผลิตภัณฑ์แต่ละสาย เริ่มต้นโครงการความร่วมมือเชิงลึกกับตัวแทนจำหน่าย และแนะนำโซลูชันที่ครอบคลุมเพื่อใกล้ชิดกับลูกค้าในท้องถิ่นในประเทศไทยมากขึ้น และในปี 2564 รถตักล้อยาง LiuGong มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของประเทศไทยเป็นต้นมา และเมื่อต้นปีนี้ LiuGong ได้ส่งออกอุปกรณ์เครื่องจักรกลหนักสำหรับงานก่อสร้างชุดแรกไปยังประเทศไทย ภายใต้ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
ในเดือนมิถุนายนปีนี้ LiuGong ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) และวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคหลิวโจว (LVTC) ได้ก่อตั้ง LiuGong LVTC Global Customer Experience Center ในประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมผู้มีความสามารถด้านเทคนิคในเครื่องจักรกลหนัก และมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเครื่องจักรก่อสร้างในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและองค์กรในการศึกษาในต่างประเทศอีกด้วย