xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจแถว 7 หุ้น โรงกลั่น - 4 หุ้นถ่านหิน ตัวไหนทรงพลังที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นกลุ่มโรงกลั่น และถ่านหินยังคงเป็นที่น่าจับตา หลังจากก่อนหน้านี้ผู้นำสหภาพยุโรปตกลงที่จะสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันของรัสเซียบางส่วน เพื่อต้องการตัดแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงคราม บวกกับปัญหาเงินเฟ้อที่สูงทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นโรงกลั่นและถ่านหินได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้

1.ESSO (บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)) ผลตอบแทนราคา YTD +67.35% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 7.35 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 12.30 บาท เพิ่ม 4.95 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 42,568.55 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 13.10 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 7.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน N/A% P/E Ratio 2.84 เท่า

ทั้งนี้ ESSO มีกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สุทธิ 8,298.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 858.12 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ โดยนักวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มของ ESSO ว่ากำไรสุทธิในปี 2565 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 208% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นดีขึ้น

2.BCP (บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น) ผลตอบแทนราคา YTD +31.68% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 25.25 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 33.25 บาท เพิ่ม 8.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 45,782.69 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 35.25 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 23.50 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.02% P/E Ratio 3.42 เท่า

ทั้งนี้ BCP ประกาศผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 ของกลุ่มบางจากฯ บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 152,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 26,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192%

3.SPRC (บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง) ผลตอบแทนราคา YTD +30.61% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 9.80 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 12.80 บาท เพิ่ม 3.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 55,499.55 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 13.40 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 7.85 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.39% P/E Ratio 3.85 เท่า

ทั้งนี้SPRC เตรียมจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.96 บาทต่อหุ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย.65 หลังจากผลประกอบการและผลดำเนินงานทางด้านการเงิน ไตรมาสที่ 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 1,872 ล้านบาท

4.TOP (บมจ.ไทยออยล์) ผลตอบแทนราคา YTD +16.16% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 49.50 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 57.50 บาท เพิ่ม 8.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 117,301.60 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 62.25 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 44.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.52% P/E Ratio 2.96 เท่า

ล่าสุด ไทยออยล์ออกเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทฯให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทเฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้นในคร้ังน้ีจะมีอัตราการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Ratio) เท่ากับ 11.7681 หุ้นสามัญเดิมของบริษัทต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (ในกรณีที่มีเศษของหุ้นที่เป็นทศนิยมที่เกิดจากการคำนวณให้ปัดเศษ ของหุ้นนั้นทิ้งทั้งจำนวน)

5.IVL (บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส) ผลตอบแทนราคา YTD +1.16% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 43.25 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 43.75 บาท เพิ่ม 0.50 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 245,636.65 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 52.75 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 38.75 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.29% P/E Ratio 5.31 เท่า

ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติ จ่ายปันผลระหว่างกาลงวด 1 เม.ย.-30 มิ.ย.65 เป็นเงินสด จำนวน 0.40 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 30 ส.ค. 65 วันที่จ่ายปันผล 15 ก.ย. 65 หลังจากที่ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 20,277.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,339.61 ล้านบาท โดยไตรมาสนี้มีรายได้จากการขาย 186,741 ล้านบาท

6.IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) ผลตอบแทนราคา YTD -9.90% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 3.84 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 3.46 บาท ลดลง 0.38 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 70,703.09 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 4.76 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 3.06 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.36% P/E Ratio 7.30 เท่า

ผลการดำเนินงาน IRPC รอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายสุทธิจำนวน 176,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 65% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดย มี Market GIM อยู่ที่ 16,667 ล้านบาท หรือ 13.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 6% จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น

7.PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) ผลตอบแทนราคา YTD -20.43% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 58.75 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 46.75 บาท ลดลง 12.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 210,788.70 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 67.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 41.75 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 8.00% P/E Ratio 13.30 เท่า

แม้ว่าไตรมาส 2/65 PTTGC ทำกำไรที่ 1.38 พันล้านบาท ลดลง 94% หลังขาดทุนตราสารอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยง และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แต่รายได้เพิ่มขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ส่วน 6 เดือนแรก มีกำไร 5.5 พันล้านบาท ลดลง 84% แต่บริษัทคาดรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ในครึ่งปีหลังจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก

ขณที่หุ้นถ่านหิน 4 บริษัท เริ่มที่

1.AGE (บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี) ผลตอบแทนราคา YTD +46.18% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 3.14 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 4.08 บาท เพิ่ม 0.94 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 4,438.02 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 5.07 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 2.33 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.51% P/E Ratio 3.88 เท่า

AGE ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2 /65 จำนวน 315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28,536% เมื่อทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากการปรับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามราดาดัชนีถ่านหินโลก ส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถรักษาส่วนต่างระหว่างราคาขายและต้นทุนของถ่านหินไต้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีรายได้จากธุรกิจโลจิลติกส์เพิ่มสูงขึ้น

2.LANNA (บมจ.ลานนารีซอร์สเซส) ผลตอบแทนราคา YTD +42.11% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 15.20 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 21.60 บาท เพิ่ม 6.40 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 11,339.99 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 29.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 15.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.41% P/E Ratio 4.02 เท่า

LANNA งบไตรมาส 2/65 พุ่งไป 1.2 พันล้านบาท จากปีก่อน 322.61 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 27.88% และ 18.82% และราคาขายถ่านหินโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 96.85% และ 86.36% ตามลำดับ รวมทั้งมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วม 59.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 57.53 ล้านบาท คิดเป็น 3,529.45%

3.BANPU (บมจ.บ้านปู) ผลตอบแทนราคา YTD +31.13% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 10.60 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 13.90 บาท เพิ่ม 3.30 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 94,048.91 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 14.90 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 10.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.88% P/E Ratio 3.13 เท่า

ทั้งนี้ BANPU เดินหน้าหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้น และเทคโนโลยีพลังงาน ยกระดับ Antifragile ในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกความผันผวน รวมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

4.TCC (บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น) ผลตอบแทนราคา YTD -24.79% ราคาสิ้นปี 64 ปิด 1.17 บาท ราคา ณ 19 ส.ค.65 ปิด 0.88 บาท ลดลง 0.29 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1,225.60 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 1.84 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 0.40 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน N/A% P/E Ratio 7.28 เท่า

TCC ไตรมาส 2/65 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 61.47 ล้านบาท ขณะทีกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2.47 ล้านบาท นักวิเคราะห์มองว่า ราคาหุ้นถ่านหินน่าจะสามารถไปได้ดีกว่าน้ำมัน จากความต้องการใช้ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งในยุโรปและจีน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาหนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า หุ้นโรงกลั่นทั้ง 7 บริษัท ส่วนใหญ่จะทำกำไรได้เป็นอย่างดี มีเพียง PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) เท่านั้นที่ผลงานในครั้งนี้ไม่ค่อยจะสวยหรูสักเท่าไร ขณะที่หุ้นกลุ่มถ่ายหิน 4 บริษัทสามารถทำกำไรได้เช่นกัน ยกเว้น TCC (บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น) ที่ยังติดลบ


กำลังโหลดความคิดเห็น