xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC คาดรายได้จากการขาย H2/65 ใกล้เคียง H1/65

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ในครึ่งปีหลังจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยราคาขายผลิตภัณฑ์ยังสามารถ maintain ได้ตามระดับราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวสูง แต่บริษัทจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น จึงอาจกระทบกับรายได้บ้าง ขณะเดียวกัน คาดว่าจะมีผลกระทบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนการป้องกันความเสี่ยงน้ำมันน้อยลง เนื่องด้วยราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับลงมาตั้งแต่ไตรมาส 2/65 จนถึงปัจจุบัน

"ในครึ่งปีหลังนี้ยังเป็นครึ่งปีที่ดีของธุรกิจโรงกลั่น โดย Refinery margin ยังอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว แต่เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกอาจจะอ่อนตัวลงไปบ้าง จากสถานการณ์โดยรวม และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมา

ส่วนอะโรเมติกส์ ยังต้องจับตา เพราะว่าในครึ่งปีหลังจะเป็นไฮซีซัน หรือไตรมาส 4/65 ที่จะมีการผลิตสินค้าเพื่อขายในช่วงสิ้นปี และโรงอะโรเมติกส์หลายโรงมีแผนหยุดการผลิตเพื่อไปผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นแทน อาจทำให้ปริมาณสินค้าของอะโรเมติกส์ในตลาดลดลงไปได้ เช่นเดียวกับธุรกิจโอเลฟินส์ในช่วงที่ผ่านมาแม้ดีมานด์ยังมีต่อเนื่อง จากเป็นสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และโควิด-19 ที่มีอยู่จะยังหนุนความต้องการผลิตภัณฑ์ แต่ต้องดูว่าราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงและเศรษฐกิจโลกถดถอยจะกระทบต่อดีมานด์ให้ลดลง และระดับราคาอ่อนตัวลงหรือไม่ ซึ่งครึ่งปีแรกจะเห็นว่าได้สะท้อนมาเรียบร้อยแล้ว จากระดับราคา 1,400-1,600 เหรียญต่อตัน เหลืออยู่ที่ 1,200 เหรียญต่อตัน ส่งผลให้ส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก หรือสเปรดระหว่าง PE กับแนฟทา น่าจะอยู่ในระดับนี้" นายจิตศักดิ์ กล่าว

สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกครึ่งปีหลังนี้ หากสถานการณ์ในจีนดีขึ้น รวมถึงหลายประเทศทั่วโลกคลายล็อกดาวน์มากขึ้น จะสนับสนุนความต้องการใช้ ขณะที่ในแง่ของซัปพลาย กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ส.ค.ได้ตกลงเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ก.ย. เพียง 1 แสนบาร์เรล/วัน ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จึงยังสนับสนุนราคาน้ำมันต่อไปได้ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจกระทบต่อดีมานด์ในอนาคต

ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่น โดย LPG และแนฟทา (Naphtha) ในแง่ของดีมานด์ยังมีทั้งบวกและลบ โดยดีมานด์ของ LPG ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะได้รับการสนับสนุนจากการใช้เป็นทางเลือกของโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างความอบอุ่นในฤดูหนาวของทวีปยุโรปในไตรมาส 4/65 แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากจีนที่ยังมีการล็อกดาวน์ ทำให้ดีมานด์ในธุรกิจปิโตรเคมีปรับลดลง เช่นเดียวกันแนฟทาที่ดีมานด์ในธุรกิจปิโตรเคมีลดลง แต่ยังมีปัจจัยบวกจากความต้องการของโรงกลั่นที่แนฟทาสามารถนำไปใช้ในการผลิต Gasoil ได้ ซึ่งปัจจุบัน Spread ของ Gasoil ยังอยู่ในระดับสูง จะช่วยสนับสนุนแนฟทาได้

ด้าน Refined Products โดย Diesel และ LSFO ในครึ่งปีแรกดีมานด์ของทั้ง 2 ตัวได้ฟื้นขึ้นมาสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว แต่ในครึ่งปีหลังยังต้องจับตาแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกันจากเงินเฟ้อพุ่ง ทำให้ต้องจับตาต่อไปว่าจะส่งผลต่อดีมานด์หรือไม่ ประกอบกับเริ่มเห็นกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดช่วงไตรมาส 2/65 โดยเฉพาะ Diesel ราว 3 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป แต่จะมีปัจจัยหนุนจากราคาเชื้อเพลิงความร้อนทางเลือก (Alternative heating fuel price) ที่ปรับตัวขึ้น จากดีมานด์โรงไฟฟ้าในไตรมาส 4/65

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี โดยอุตสาหกรรมปลายทาง Automotive ภาพใหญ่ยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหลายหน่วยงานปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลง ส่งผลกระทบต่อดีมานด์ Automotive แต่คาดว่าสถานการณ์ชิปขาดแคลนจะดีขึ้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวให้เติบโตได้ในครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกันจะมี stimulus packages ของหลายประเทศเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และส่วนหนึ่งน่าจะเข้ามาสนับสนุนอุตสาหกรรม Automotive ด้วย

อุตสาหกรรมสิ่งทอ (Textile) โดยปกติแล้วในไตรมาส 3/65 ถือเป็นช่วงไฮซีซัน หรือเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้จะมีดีมานด์เข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องจับตากำลังการผลิตใหม่ของพาราไซลีน (Paraxylene) จากประเทศจีน อุตสาหกรรมแพกเกจจิ้งและฟิล์ม (Packaging & Film) ยังมีปริมาณการใช้ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอาหาร และ E-commerce ขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Construction, Household & Pipe) คาดครึ่งปีหลังจะดีขึ้น

นายจิตศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มธุรกิจของ allnex ในเครือ PTTCG ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังรักษาระดับการทำกำไรได้ดี จากการบริหารจัดการเรื่องราคาและต้นทุนการผลิต

ส่วนแผนการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ขณะนี้บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะในการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาตั้งแต่ปีนี้จนถึงต้นปีหน้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในระยะต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น