"การบินไทย" ไตรมาส 2 ขาดทุนอ่วม 3,220.56 ล้านบาท เหตุต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 104.1% ทำให้รายจ่ายทะยาน อีกทั้งขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 1,299 ล้านบาท
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโส รักษาการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI แจ้งผลการกดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนและบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 3,220.56 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 23,326.50 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวม 21,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282% จากระดับ 5,635 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งรายได้จากการขนส่งเพิ่มขึ้น 619.3% สู่ระดับ 19,803 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการผลิตและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอยู่ในระดับ 22,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.3% จากปี 2564 จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่แปรผันตามปริมาณการผลิต และ/หรือปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 104.1% ทำให้รายจ่ายน้ำมันขึ้นมาสู่ระดับ 8,946 ล้านบาท คิดเป็น 39.2% ของรายจ่ายดำเนินงานทั้งหมด ขณะที่ค่าใช้จ่ายบุคลากรลดลงจากการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง เป็นผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 1,299 ล้านบาท ซึ่งลดลงมากจากปีก่อนที่ขาดทุน 4,449 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) นั้น EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบิน มีกำไรจำนวน 168 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปี 2565 เทียบกับการขาดทุน 9,212 ล้านบาทในปี 2564 นับเป็นไตรมาสแรกหลังเข้าแผนฟื้นฟูที่ EBITDA หลังหักค่าเช่าเป็นบวก
โดยงวดนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงิน 3,102 ล้านบาท มีรายได้สุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวม 1,982 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ การปรับโครงสร้างองค์กร และโครงสร้างค่าตอบแทนบุคลากร รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุนและทรัพย์สิน ถึงแม้จะมีผลขาดทุนจากด้อยค่าของสินทรัพย์ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 3,213 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 23,326 ล้านบาทในปี 2564 เนื่องจากในไตรมาส 2 ของปี 2564 มีรายได้จากรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิ 27,100 ล้านบาท
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินจากการทยอยผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการควบคุมและจำกัดการเดินทางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นมา เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้จากกิจกรรมขนส่งของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
โดยไตรมาสที่ 2 ปีนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 366.6% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้นถึง 1,766.9% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 60.3% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 15.1% มีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 2.01 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 570% มีปริมาณการผลิตด้านการขนส่งสินค้า (ADTK) สูงกว่าปีก่อน 384.4% ปริมาณการขนส่งสินค้า (RFTK) สูงกว่าปีก่อน 241.5% อัตราส่วนการขนส่งสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 69.0%
นอกจากนั้น จากแนวโน้มปริมาณการเดินทางและขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 77.7% ทำให้รายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท ด้วยสัดส่วนการขนส่งผู้โดยสารกว่า 30% ของจำนวนผู้โดยสารเข้าออกประเทศไทยทั้งหมด ส่งผลให้เงินสดคงเหลือของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจาก 5,515 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2564 สู่ระดับ 13,474 ล้านบาท ณ สิ้นงวดครึ่งปีแรกของปี 2565