หลังจากกระแสของ Metaverse พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดจนทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ในการลงทุนซื้อที่ดินในโลกเสมือนหรือ Land จนราคาต่อผืนพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 1 ล้านบาทมาแล้ว แต่ปัจจุบันราคาที่ดินในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง The Sandbox และ Decentraland ร่วงลงกว่า 85% เหลือเพียงแค่ราวหนึ่งแสนบาทเท่านั้น
ขณะที่ McKinsey ประเมินว่าในปี 2030 มูลค่าตลาดของ Metaverse อาจลดลงเหลือเพียง 5 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ เท่านั้นจากเดิมตลาดเคยคาดการณ์ว่าในปี 2030 มูลค่าตลาด Metaverse จะเพิ่มขึ้นแตะ 8-13 ล้านล้านดอลลาร์
ผลกระทบหลักน่าจะมาจากการปรับตัวลงของตลาดคริปโตซึ่งส่งผลต่อราคาเหรียญของแพลตฟอร์ม Metaverse มีมูลค่าลดลงประกอบกับความนิยมและกำลังซื้อของนักลงทุนที่ลดลง
แม้ว่า Metaverse จะดูกระแสเงียบลงไปค่อนข้างมากแต่ถึงอย่างไรช่วงเวลานี้คือช่วงที่เหมาะสมสำหรับการที่จะเริ่มเข้าสู่โลกของ Metaverse อยู่ดีด้วยเหตุผลดังนี้
ราคาที่ดินและ NFT ต่างๆไม่ได้เป็นฟองสบู่ ถ้าหากยังมีความเชื่อมั่นว่า Metaverse จะเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตในอนาคตและจะเกิด Use Case และผู้ใช้งานที่มากขึ้นในอนาคต การลงทุนกับ Metaverseในตอนนี้อาจจะได้ราคาที่เหมาะสมที่จะลงทุนในระยะยาวดีกว่าไปไล่ซื้อราคาแพงในตอนที่ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น
Metaverse ก็คือโซเชียลมีเดียในยุคเริ่มต้นที่อะไรก็ง่าย ใครที่เคยเปิด FB Page กับทาง Facebook ในช่วงต้นๆอาจจะยังพอจำได้ว่าการได้ Engagement และ Reach อยู่ในระดับสูงและสามารถเพิ่ม Like ได้อย่างรวดเร็วรวมถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆจะค่อนข้าง Friendly กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะเริ่มสร้างความลำบากในการใช้งานกับผู้ใช้มากขึ้นในภายหลัง ถ้าหากมองว่า Metaverse จะเดินรอยตามโซเชียลมีเดียในอนาคตช่วงเวลานี้ก็น่าจะเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็น Early Adoptor ก่อนใคร
สร้าง Awareness ก่อนใคร แม้ว่าจะไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไปที่ผู้เข้าสู่ตลาดก่อนจะเป็นผู้ชนะตลอดไป แต่การที่เป็นผู้นำในตลาดก็มีโอกาสจะสร้างการรับรู้หรือ Awarness ได้ก่อนใครและถ้าหากรักษาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องก็อาจจะสามารถเก็บรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้จนกลายเป็นผู้นำตลาดได้อย่างยาวนานต่อเนื่องแบบ Facebook และ Youtube
อย่างไรก็ตามต้องย้ำว่า Metaverse ยังอยู่ในขั้นแรกของการพัฒนาเท่านั้นซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการที่จะเข้าสู่ภาวะ Mass Adoption หรือกลุ่มคนส่วนใหญ่เข้ามาใช้งาน โดยจะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างเช่นความเร็วของอินเทอร์เนต ความพร้อมของฮาร์ดแวร์ ตลอดจนความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน ถ้าหากยังไม่มีความพร้อมก็ยังไม่ถึงจุดที่แพลตฟอร์ม Metaverse จะสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง
แต่สำหรับผู้ที่คิดจะเป็น Pioneer คงจะไม่เข้าตลาดมาในตอนที่ถึง Mass Adoption แล้วแน่นอน แต่ต้องเข้ามาในตลาดก่อนล่วงหน้าก่อนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่ถ้ามองเห็นเส้นทางของแพลตฟอร์ม Web2.0 เติบโตมาในทิศทางใดแล้ว บางทีการอ่านทิศทางของ Web3.0 อาจจะไม่ยากอะไรก็ได้
บทความโดย : นเรศ เหล่าพรรณราย ซีอีโอ Ricco Wealth,กรรมการสมาคมเมตาเวิร์สไทย
สงวนลิขสิทธิ์บทความเฉพาะสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ mgronline และ ที่ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของบทความเท่านั้น
