LPP เผยแผนระยะยาว 3 ปี เดินหน้าปั้นพอร์ตรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท แจง 3 คีย์ซัคเซส ปรับโครงสร้างภายใน สร้างงานบริการให้ครบวงจร พัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการเติบโตรายได้ และสร้างระบบนิเวศ LPP ตั้งเป้าในอีก 3 ปีรายได้รวมที่ 2,030 ล้านบาท คาดปี 65 รายได้รวม 1,010.3 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 955 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 99.16 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกรายได้ทะลุ 472 ล้านบาท กำไรสุทธิ 60 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พร็อพเพอร์ตี้ มาเนจเม้นท์ จำกัด (LPP) กล่าวว่า นับตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการสามารถสร้างการเติบโตทางด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้ที่ 850 ล้านบาท ตั้งเป้าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้รวมที่ 2,030 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 41% และในปี 2566 จะมีรายได้ 1,550 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 กว่า 28% และในปี 2567 จะมีรายได้เติบโตจากปี 2566 ประมาณ 31% โดยกุญแจแห่งความสำเร็จของรายได้ในปี 2565 นี้คือ การปรับโครงสร้างภายในบริษัท และสร้างงานบริการให้ครบวงจร ส่วนในปี 2566 บริษัทจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคตสำหรับปี 2567 จะเป็นปีแห่งการสร้างระบบนิเวศของ LPP
ทั้งนี้ แนวทางในการดำเนินธุรกิจของปี 2565 นี้บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างองค์กรโดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจบริการและกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ จะมีการขยายงานผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและธุรกิจใหม่ๆ (Estate Consultant) พร้อมกับการขยายขอบเขตงานบริการ (Facility Management) และงานบริการรักษาความสะอาด เปิด online store ภายใต้ชื่อ leaving 24 เพื่ออำนวยความสะดวก และลดค่าครองชีพให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการที่แอลพีพีบริหาร พร้อมกันนี้ LPP ยังได้เปิดตัวคอลเซ็นเตอร์ และ ECO (Emergency Operation Center) เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าของงานบริการต่างๆ ในกลุ่มธุรกิจบริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ในการปรับโครงสร้างภายในบริษัทเพื่อสร้างงานบริการครบวงจร แอลพีพียังมีแผนจะร่วมทุนกับโรงพยาบาล เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนรองรับการบริการ Facility Management ในกลุ่มโรงพยาบาล โดยคาดหวังว่าจะมีรายได้เฉลี่ย 50-70 ล้านบาทต่อปี จากงานบริการ 3 ส่วนคือ การบริการรักษาความปลอดภัย งานบริการรักษาความสะอาด และงานบริการช่างและวิศวกรรม สำหรับการปรับโครงสร้างในครั้งนี้จะมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจบริการ การขยายทีมงานด้าน Marketing การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่เป็นลูกค้านอกเหนือจากเครือบริษัท LPN ซึ่งเป็นการเปิดตลาดและขยายงานบริการด้าน property management, engineering, facility management, security and cleaning service รวมถึงงาน estate consultant ทั้งยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ภายใต้บริษัท LPN ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายสุรวุฒิ กล่าวว่า สำหรับผลดำเนินการของแอลพีพีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทสามารถสร้างรายได้ 472 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 471.5 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 60 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 47.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ 126.5% ของเป้าหมายที่วางไว้ โดยธุรกิจหลักที่ยังมีการเติบโตอย่างโดดเด่น 3 อันดับแรกคือ งานบริหารชุมชนในโครงที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ LPN โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 54% งานบริการวิศวกรรมเติบโตขึ้น 37.5% และงานบริการฝากขาย-เช่าซึ่งเติบโตขึ้น 35%
ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2565 นี้จะมีรายได้รวมที่ 1,010.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีแรกที่มีรายได้ 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 955 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 99.16 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 98 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจ 3 อันดับแรกที่จะสร้างรายได้อย่างโดดเด่นคือ งานบริการด้านวิศวกรรม โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปี 2564 อยู่ที่ 77% และงานบริการฝากขาย-ฝากเช่าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 63% สุดท้ายงานที่จะมีการเติบโตเป็นอันดับ 3 คืองาน Facility Management ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้