xs
xsm
sm
md
lg

"สีจระเข้" คิกออฟแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ ขยายฐานลูกค้าพรีเมียม ผนึกผู้นำในสเปนรุกตลาดสีธรรมชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายพงษ์พันธุ์ ประทีปมโนวงศ์ (ซ้าย) นายชินธร อรรถสารประสิทธิ์ (ขวา)
สีจระเข้ (SEE JORAKAY) แบรนด์สีทาบ้านรายแรกที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ปลอดภัยสูง ไร้กลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม ภายใต้บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัว "SEE JORAKAY Flagship Store" แฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในย่านทำเลศักยภาพกรุงเทพกรีฑา แหล่งรวมที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ชู 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ Natural Color, Art Color, Texture Color และ Heritage Color พร้อมจับมือผู้นำสีในประเทศสเปน ร่วมกันเปิดตลาดสีธรรมชาติจาก Limebase รายแรกในประเทศไทย รับเทรนด์การห่วงใยสุขภาพ แย้มจับมือพันธมิตรในพื้นที่ภาคตะวันออกเพิ่มเอาต์เล็ต ขยายฐานลูกค้าในพื้นที่อีอีซี

นายพงษ์พันธุ์ ประทีปมโนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการสร้างความยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจ SEE JORAKAY ว่า จะมีส่วนเสริมศักยภาพและต่อยอดการเติบโตใหักลุ่มบริษัทฯ โดยเน้นกลยุทธ์ในการเจาะตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับตกแต่งพื้นผิวที่มีประสิทธิภาพแตกต่างระดับ Medium - High ขึ้นไป เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากกว่าจะเป็นการขยายสีทั่วไป โดยวางเป้าผู้ใช้สินค้าระดับกลุ่ม B+

โดย SEE JORAKAY เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ภายใต้บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีครบทั้งสินค้าและบริการ เป็นสีตกแต่งที่เป็นมิตรต่อโลก ตอบโจทย์ความยั่งยืนทางธุรกิจขององค์กร บวกกับแนวคิดที่เราต้องการให้มีสถานที่สำหรับลูกค้าและนักออกแบบได้มาหาไอเดียใหม่ๆ ในการตกแต่งบ้าน รวมทั้งสามารถนั่งทำงาน เราจึงสร้าง “Flagship Store” (แฟลกชิปสโตร์) แห่งใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการเรื่องงานสีที่ครบวงจร ที่นี่ได้รวมผลงานที่ศิลปินสร้างสรรค์ลวดลายบนผืนผนังจาก SEE JORAKAY ไว้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ได้ตามสไตล์การตกแต่งบ้าน โดยเราออกแบบแฟลกชิปสโตร์ให้ดูทันสมัย และมี “มูฟเมนต์” อยู่ตลอด จัดให้มีโซนที่สามารถทดลองใช้สินค้าจริง ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยทำให้สโตร์ของเรามี Mood and Tone ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาไม่จำเจ

ทางด้าน นายชินธร อรรถสารประสิทธิ์ ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ SEE JORAKAY กล่าวว่า เราได้จับมือกับผู้นำสีใน “ประเทศสเปน” ร่วมกันเปิดตลาดสีธรรมชาติจาก Limebase เป็นรายแรกในประเทศไทย ด้วยความโดดเด่นของ Graphenstone ที่มีกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในการนำเสนอสินค้านวัตกรรม และมีจุดเด่นที่ชัดเจนสู่ผู้บริโภค ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดตัวบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีลูกค้าติดต่อผ่านระบบออนไลน์สูงเกือบ 10 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงลูกค้าให้ความสนใจในนวัตกรรมของสีของบริษัทฯ

"แน่นอนว่านี่คือความท้าทายอย่างมาก เพราะเป็นตลาดที่มีผู้เล่น เป็นแบรนด์สีที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่มาก เราจึงมองไปที่ Niche Market และเรื่องโควิด-19 มีส่วนกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจ ห่วงใยสุขภาพ และสนใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้น เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ SEE JORAKAY ที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน มีความโดดเด่นในเรื่องความเป็นธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการหรือแม้แต่ช่างผู้ใช้งาน โดย SEE JORAKAY เป็นรายแรกที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากหินปูนธรรมชาติ 100% เป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายได้ดี เพราะสีมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน สามารถเปลี่ยนสีห้องได้โดยไม่ต้องย้ายออก หรือปิดพื้นที่ซ่อมแซม เหมาะกับชีวิตคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก"


สำหรับคนที่ต้องการแตกต่างไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งสีพิเศษ เรามีบริการงานทาสี “SEE JORAKAY Service Team” ให้บริการฉาบสี พ่นสี ตกแต่งผนังโดยช่างผู้ชำนาญการใช้สีสร้างลาย ที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจาก SEE JORAKAY

นายพงษ์พันธุ์ กล่าวเสริมถึงสถานการณ์เกี่ยวกับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้นว่า จริงๆ แล้วมีผลกระทบกับทุกธุรกิจ ไม่ใช่แค่กลุ่มสีอย่างเดียว ซึ่งในส่วนของเราต้องปรับบริหารจัดการให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการผลักภาระไปสู่ลูกค้า โดยเสริมในเรื่องการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่มจระเข้ยังมีหลายผลิตภัณฑ์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจมีจะไปร่วมมือกับร้านค้าพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการเพิ่มหน้าร้านสินค้า SEE JORAKAY เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มาใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเรามองว่าพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น จังหวัดชลบุรี มีศักยภาพสูง คาดว่าในปี 2566 จะมีความชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจสี SEE JORAKAY หลักๆ เป็นกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยในสัดส่วนประมาณ 70-80% และลูกค้าเจ้าของบ้านประมาณ 20-30% ซึ่งอุตสาหกรรมสีในตลาดมีมูลค่าสูงถึงกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งเราคงจะไม่เข้าไปทำตลาดแข่งกับผู้เล่นรายใหญ่ แต่เน้นไปทำตลาดสีพรีเมียม วางเป้าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 10% ของยอดขายรวมทั้งกลุ่ม


กำลังโหลดความคิดเห็น