ไทยยูเนี่ยน แจ้งกำไรงวดนี้ 2,243 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 38,946 ล้านบาท เพราะความต้องการสินค้าและราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะค่าใช้จ่ายรายการพิเศษฉุดกำไร
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ว่ามีกำไรสุทธิ 2,243ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนผลประกอบการแข็งกว่าปกติ และมีรายการพิเศษที่ไม่ใช้เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และมียอดขาย 38,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขาย 35,883 ล้านบาทเพราะความต้องการสินค้าและราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติประจำไตรมาสก่อนหักรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว อย่างการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิในเรด ล็อบสเตอร์ เพราะอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาที่สูงขึ้นเป็น 424 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างโรงงานรูเก้น ฟิช ในประเทศเยอรมนีอีก 195 ล้านบาท ทำให้กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,243 ล้านบาท ลดลง 8.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ยอดขายที่ยอดเยี่ยมของ TU ในไตรมาสที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้เกิดสมดุลระหว่างหน่วยธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ โดยธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องมียอดขายเติบโตขึ้น 10.7% อยู่ที่ 16,912 ล้านบาท จากปัจจัยของราคาที่สูงขึ้น บวกกับการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น
สำหรับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น งวดนี้มียอดขายปรับตัวลดลง 6.5% มาอยู่ที่ 13,900 ล้านบาท จากธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวสู่สภาวะปกติ หลังจากฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 64 ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ยังคงทำผลงานได้ดีเยี่ยม โดยยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 41.7% มาอยู่ที่ 8,133 ล้านบาท จากความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่สูงขึ้นมาก การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า และยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น
"ด้วยธุรกิจ TU ที่มีความหลากหลาย ทำให้เป็นพื้นฐานที่มั่นคงในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเรา ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2 ยังคงทำผลงานได้ดีแม้จะมีรายการพิเศษ 2 รายการ นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พัฒนาจากศูนย์นวัตกรรมของเรายังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นด้วยแบรนด์ต่างๆ ของเราที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วโลก" นายธีรพงศ์ กล่าว