หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกถล่มอย่างหนัก จนราคาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปี โดยเฉพาะหุ้นบริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งทรุดลงเหลือ 90 บาท แต่หลังธนาคารประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 นักลงทุนแห่เข้ามาไล่ช้อนหุ้นกลุ่มธนาคารจนฝุ่นตลบ
เพราะผลประกอบการธนาคารส่วนใหญ่ โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่มีการเติบโตพลิกความคาดหมาย
ต้นสัปดาหก่อน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ออกบทวิเคราะห์กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยประเมินว่า ผลกำไรไตรมาสที่ 2 ปี 2565 จะชะลอตัวลงประมาณ 19.6% และถือเป็นมุมมองเชิงลบที่ซ้ำเติมหุ้นธนาคาร กระตุ้นให้เกิดการเทขาย
แต่วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารขนาดใหญ่ได้ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดย SCB ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีกำไรเติบโตถ้วนหน้า
SCB มีกำไรสุทธิ 10,050.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,814.54 ล้านบาท
KBANK มีกำไรสุทธิ 10,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 8,894 ล้านบาท
BBL มีกำไรสุทธิ 6,961.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,356.76 ล้านบาท
และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีกำไรสุทธิ 8,358.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,011.03 ล้านบาท
ธนาคารขนาดใหญ่มีกำไรในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นระดับ 10% ถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ราคาก่อนหน้าถูกเทขายจนลงมาติดดิน เมื่อผลประกอบการจริงที่ประกาศออกเติบโตเกินความคาดหมาย นักลงทุนจึงหันมาไล่คว้าหุ้นแบงก์ รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติที่กลับมามียอดซื้อหุ้นสุทธิด้วย
กำไรที่เติบโตทำให้พื้นฐานของหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่แข็งแกร่งขึ้น โดย SCB มีค่าพี/อี เรโชเพียงประมาณ 7.7 เท่า KBANK ค่าพี/อี เรโช 8.62 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.31% BBL ค่าพี/อี เรโช 9.33 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.68 เท่า
และ KTB ค่าพี/อี เรโช 8.46 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.79%
จุดต่ำสุดของหุ้นแบงก์ในปีนี้อาจผ่านพ้นไปแล้ว แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะน่ากังวลอยู่ก็ตาม เพราะอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาหนี้เสียจะเพิ่มขึ้น การปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลง
แต่ราคาน้ำมันที่เริ่มอ่อนตัวลง หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะลดแรงกดดันปัญหาเงินเฟ้อ และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% จากการประชุมในสัปดาห์หน้า จากที่กังวลว่าจะขึ้น 1%
หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มผู้นำตลาด นักวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายสำนักปรับทัศนคติใหม่ เริ่มแนะนำให้เก็บหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนยังหลั่งไหลซื้อหุ้นแบงก์เข้าพอร์ต
SCB ดีดกลับอย่างโดดเด่นที่สุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ด้วยกัน เพราะราคาไหลลงไปลึกมาก แต่โดยรวมแล้วแบงก์ใหญ่ดาหน้าฟื้นตัวยกแผง
นักลงทุนที่เครียดเพราะมีหุ้นแบงก์เต็มไม้เต็มมือ ตอนนี้เริ่มอารมณ์ดี และมีความหวังใหม่ มั่นใจที่จะถือหุ้นแบงก์ไว้ต่อ แต่ต้องพร้อมจะถือยาวด้วย
เพราะราคาที่ดีดแรงเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ตอบรับข่าวดีผลกำไรไตรมาสที่ 2 เติบโตเกินความคาดหมายไปแล้ว
จากนี้ต้องรอลุ้นผลประกอบการครึ่งปีหลัง ซึ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์มีมุมมองที่แตกต่างกัน บางคนมองว่า ผลประกอบการจะชะลอตัว แต่บางคนประเมินว่า ผลประกอบการยังดีอยู่
แต่วันนี้หุ้นแบงก์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากหลุมแล้ว แต่ไม่อาจคาดหมายว่าจะมีแรงวิ่งต่อไปอีกไกลแค่ไหนเท่านั้น
เชิญนักลงทุนมือใหม่ร่วมสัมมนา หัวข้อ เลือกซื้อหุ้นอย่างไรไม่พลาดติดดอย โดย สุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์หุ้น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา เฟ้นหุ้นแนวโน้มดี 5 เดือนหลังผ่านมุมมอง จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.00-16.30 ณ MINT TOWER ถนนบรรทัดทอง
ค่าสัมมนาท่านละ 1,000 บาท รวมอาหารว่าง
รับจำนวนจำกัด 30 ท่าน พร้อมคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อ 1 ท่าน
ผู้ร่วมเข้าสัมมนาจะต้องตรวจ ATK ล่วงหน้าก่อน 1 วัน แสดงผลหน้าห้องลงทะเบียนสัมมนา
สำรองที่นั่งติดต่อ คุณระวี โทรศัพท์ 09-1819-4787