"อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป" ประกาศความพร้อมโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ พร้อมขายไฟเข้าระบบ (COD) ทันที หลังเวียดนามเคาะแผน PDP8 คาดชัดเจนเร็วๆ นี้ หนุนผลงานโค้งหลังโตแกร่ง
จากกรณีที่เวียดนามเตรียมประกาศใช้แผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 (Power Development Plan VIII : PDP8) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท โดยเฉพาะพลังงานลมทั้งบนชายฝั่งและนอกชายฝั่ง (Onshore and Offshore Wind Power) ที่จะมีบทบาทสำคัญขึ้นมาก โดยภายใต้แผน PDP8 ในปี 2573 คาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานลมบนชายฝั่งจะยังอยู่ที่ 16,121 เมกะวัตต์ และจากพลังงานลมนอกชายฝั่งจะเพิ่มเป็น 7,000 เมกะวัตต์ และภายในปี 2588 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานลมบนชายฝั่งเพิ่มเป็น 42,650-62,950 เมกะวัตต์ และจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง จะเพิ่มเป็น 54,000-74,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนราว 32% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีเวียดนามจะอนุมัติแผน PDP8 ภายในเร็วๆ นี้
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า การปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว จะถือเป็นโอกาสดีในการเร่งขยายการลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่ามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในอาเซียน และยังคงมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ขนาดกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ได้สร้างเสร็จเกือบจะสมบูรณ์ทุกโครงการแล้ว โดยโครงการในจังหวัด Gia Lai รวม 100 เมกะวัตต์ เสร็จสมบูรณ์ 100% สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ทันทีที่ได้รับการอนุมัติการเชื่อมต่อจากทาง EVN
ส่วนโครงการในจังหวัด Huong Linh รวม 60 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าไปมากกว่า 95% ซึ่งหลังจากนั้นพร้อมที่จะทำการเชื่อมต่อเพื่อจ่ายไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
“วินด์ฟาร์มในเวียดนามของเราทั้ง 2 โปรเจกต์ กำลังการผลิต 160 MW พร้อม COD ได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้หลังจากที่ทางเวียดนามอนุมัติแผน PDP8 แล้ว ซึ่งจะผลักดันให้รายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายยุทธ กล่าว