นับจากวันที่ 10 สิงหาคมนี้ หุ้นบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PAE จะพ้นจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับความเสียหายของนักลงทุนจำนวนกว่า 1 หมื่นรายที่หมดเนื้อหมดตัวจากหุ้นตัวนี้
PAE เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านงานวิศวกรรมและการก่อสร้างแก่บริษัทนั้นและก๊าซธรรมชาติ เข้าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2539 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 149 บาท จากพาร์ 10 บาท โดยบริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด เป็นที่ปรึกษาการเงิน
บริษัทเงินทุนนิธิภัทร ล่มสลายไปหลายปีแล้ว แต่ PAE กำลังล่มสลายตามไป เนื่องจากมูลค่าผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์ หมดคุณสมบัติที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไป
ผลประกอบการของ PAE ย่ำแย่มายาวนาน ขาดทุนติดต่อ จนมียอดขาดทุนสะสม 2,815 ล้านบาท และแม้ผลประกอบการไม่ดี แต่ในบางช่วงราคาหุ้นกลับร้อนแรง โดยมีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางคนหลับหูหลับตาเชียร์ให้เก็งกำไร ใครที่หลงเสียงเชียร์ตามเข้าไปซื้อ เจ็บทุกราย
PAE ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 โดยราคาหุ้นปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 7 สตางค์
แม้ฐานะของบริษัทจะทรุดหนัก และมองเห็นอนาคต แต่เมื่อปลายปี 2564 บริษัทประกาศเพิ่มทุน ออกหุ้นใหม่จำนวน 18,295.70 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 8 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.015 บาท และปรากฏว่า มีผู้ใช้สิทธิจองซื้อทั้งสิ้น 3,871.40 ล้านหุ้น หรือประมาณ 20% ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด
บริษัทสามารถสูบเงินจากผู้ถือหุ้นได้กว่า 58 ล้านบาท โดยเชื่อว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้ใส่เงินเพิ่มเข้ามา ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเป็นเจ้าภาพเติมเงิน และเงินที่ใส่เพิ่มทุนเข้ามาก็สูญสลาย โดยผู้ลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนกลับ แต่ต้องแบกรับความเสียหายเพิ่มขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดซื้อขายหุ้น PAE เป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคมนี้ โดยวันแรกจะไม่กำหนดเพดานขึ้นลง แต่การซื้อขายนัดสั่งลา 7 วันทำการไม่น่าจะมีความคึกคัก เพราะไม่มีแรงจูงใจใดที่จะเก็บหุ้นตัวนี้ไว้ และราคาน่าจะถูกตีค่าเป็นศูนย์ไปเรียบร้อยแล้ว
โครงสร้างผู้ถือหุ้น PAE ประกอบด้วยนายอัชดา เกษรศุกร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 6.73% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 10,671 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 92.37% และทุกรายย่อยยับกับหุ้นตัวนี้
เพราะไม่ว่าจะซื้อหุ้นในราคาต้นทุนไหน แต่ทุกคนต้องหมดตัวโดยเท่าเทียมกัน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ทยอยขายหุ้น ผ่องถ่ายหุ้นราคาสูง โยนใส่นักลงทุนรายย่อย จนแทบไม่เหลือผู้ถือหุ้นใหญ่ในวาระที่บริษัทสิ้นสลาย
ในแต่ละปีตลาดหลักทรัพย์จะรับหุ้นใหม่เข้ามาระดมเงินจากประชาชนผู้ลงทุนประมาณ 30-40 บริษัท และนานๆ ทีจะมีหุ้นถูกตะเพิดออกจากตลาดหุ้นสักบริษัท แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีหุ้นถูกตะเพิดออก จะมีประชาชนนับพันนับหมื่นรายที่ได้รับผลกระทบ ต้องเจ็บปวด
เพราะเงินที่ลงไว้ หุ้นที่ซื้อถือติดมือไว้จะหายวับ ไม่เหลือแม้แต่สตางค์แดงเดียวถือติดมือกลับบ้าน
ความตายของ PAE ได้สร้างความย่อยยับให้นักลงทุนจำนวนกว่า 1 หมื่นรายที่ต้องเซ๋นสังเวย และเป็นอีกบทเรียนที่เตือนสตินักลงทุน
จะเลือกลงทุนหุ้นบริษัทใดต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะซื้อหุ้นผิด ติดหุ้นเน่า จะหมดตัวเหมือนนักลงทุนที่มี PAE ติดมือ
เชิญนักลงทุนมือใหม่ร่วมสัมมนา หัวข้อ เลือกซื้อหุ้นอย่างไรไม่พลาดติดดอย โดย สุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์หุ้น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา เฟ้นหุ้นแนวโน้มดี 5 เดือนหลังผ่านมุมมอง จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.00-16.30 ณ MINT TOWER ถนนบรรทัดทอง
ค่าสัมมนาท่านละ 1,000 บาท รวมอาหารว่าง
รับจำนวนจำกัด 30 ท่าน พร้อมคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อ 1 ท่าน
ผู้ร่วมเข้าสัมมนาจะต้องตรวจ ATK ล่วงหน้าก่อน 1 วัน แสดงผลหน้าห้องลงทะเบียนสัมมนา
สำรองที่นั่งติดต่อ คุณระวี โทรศัพท์ 09-1819-4787
