บล.บียอนด์ เปิดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งจากธุรกิจหลัก โบรกเกอร์ และการลงทุนในกิจการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ชูความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน ลุยเสิร์ฟนวัตกรรมใหม่ โปรแกรมเทรด “Beyond Intelligence Trading” (MT5) ยกระดับบริการ ขยายพอร์ตลูกค้า ปักหมุดธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปีหน้า คว้ามาร์เกตแชร์ให้ได้ 1-2% แย้มมีดีล IPO เตรียมส่งเข้าตลาด 2 ราย เดินหน้ารับรู้รายได้จากการลงทุนในบริการรถเมล์และเรือไฟฟ้า มั่นใจหนุนผลงานปี 65 โตก้าวกระโดด เตรียม Kick off ปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งปลายปีนี้
น.ส.ออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์บียอนด์ จำกัด (มหาชน ) หรือ (BYD) ดำเนินธุรกิจการให้บริการธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตัวแทนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (TFEX) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 รายได้จากธุรกิจหลักมีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (โบรกเกอร์) รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ รวมถึงรายได้จากการกิจการขนส่งมวลชนที่ BYD ได้ลงทุนผ่านบริษัทร่วม ชื่อบริษัท เอช อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE) โดย ACE เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีพื้นที่ต่อเนื่องด้วยรถบัสไฟฟ้า
ด้าน น.ส.ปทิตตา มิลินทจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะพลิกขึ้นมามีกำไรจากการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอันเป็นผลมาจากการลงทุนทั้งด้านระบบงานและบุคลากร ซึ่งวางเป้าหมายมาร์เกตแชร์ปี 2566 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1-2% จากปี 2564 อยู่ที่ 0.1-0.2% ขณะที่ในปี 2567 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจหลักทรัพย์ต่อไป ล่าสุด BYD ได้พัฒนาโปรแกรมเทรด “Beyond Intelligence Trading” (MT5) ร่วมกับคู่ค้า เพื่อตอบสนองลูกค้า มุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการ และยังเป็นการขยายฐานลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง โดย MT5 จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยนักลงทุนวิเคราะห์และซื้อขายหุ้นอัตโนมัติด้วย Robot และยังมีระบบอัจฉริยะที่คอยช่วยจับตาความเคลื่อนไหวของ Volume, Bid/Ask, Ticker ในตลาดได้รวดเร็วและ real-time ซึ่งได้เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ และปัจจัยที่สำคัญอีกด้านหนึ่งคือ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการรับเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการลงทุน (มาร์เกตติ้ง) เข้ามาเพิ่มขึ้น ลงทุนระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งได้พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าเพิ่มศักยภาพและสร้างผลตอบแทน แม้เผชิญกับความผันผวนจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์โลกแต่ยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง
ด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจะมีรายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 ราย และบริการด้านวาณิชธนกิจอื่นอีก 4-5 ราย รวมทั้งมีรายได้จากการเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายทั้งหุ้นกู้และหุ้นไอพีโอมากขึ้น ซึ่งในครึ่งปีแรกได้ร่วมเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอให้ 2 บริษัท คือ บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (FTI) และบริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) (TEKA) ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจหลักทรัพย์จะเติบโตก้าวกระโดด เราไม่เพียงแต่แสวงหานวัตกรรมมาให้ลูกค้าและนักลงทุน แต่ยังมีความตั้งใจที่จะตอบแทนสังคมโดยการให้ความรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพให้กลุ่มนักศึกษา และคนรุ่นใหม่ โดยทางบริษัทฯ ร่วมมือกับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดตั้ง BYD Academy สมรภูมิที่ให้ความรู้ด้านการลงทุนและพัฒนาทักษะการลงทุนให้นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ พัฒนาความสามารถ และเสริมสร้างศักยภาพเพื่อนำกลับไปต่อยอดอาชีพในอนาคตได้ และสำหรับนักศึกษาที่ใกล้จะจบหรือมีความสนใจที่เดินทางในสายงานธุรกิจหลักทรัพย์ ทางบริษัทฯ เองยังเปิดรับสมัครทั้งนักศึกษาจบใหม่ และนักศึกษาฝึกงานอีกด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่า “ในปี 2565 บริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนผ่านบริษัทร่วมที่ชื่อบริษัท เอช อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE) ซึ่ง ACE ถือหุ้น 100% ในกิจการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะด้วยรถบัสไฟฟ้า ชื่อบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ปัจจุบันบริษัทย่อยในกลุ่มของ TSB ได้ให้บริการขนส่งมวลชนด้วยรถประจำทางไฟฟ้าแล้ว 8 สาย จำนวนทั้งสิ้น 112 คัน และกำลังสั่งซื้อรถบัสไฟฟ้าเพิ่มเพื่อให้บริการภายในปีนี้อีก 96 คัน นอกจากนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา TSB ยังได้รับคัดเลือกจากกรมการขนส่งทางบกให้เป็นผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 71 สาย จึงอยู่ระหว่างเตรียมการสั่งซื้อรถบัสไฟฟ้าเพื่อจะนำมาให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้ เป็นจำนวนอย่างน้อย 758 คัน อีกทั้ง TSB ยังอยู่ระหว่างการจะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด (SMB) ผู้เป็นเจ้าของสัญญาเดินรถรวม 37 เส้นทาง บริษัท เอ็กซา โลจิสติก จำกัด ผู้เป็นเจ้าของสัญญาเดินรถ 2 เส้นทาง และบริษัท เอ็กซา โลจิสติก จำกัด ผู้เป็นเจ้าของสัญญาเดินรถ 4 เส้นทาง นอกเหนือจากการเข้าลงทุนในการให้บริการด้วยรถบัสไฟฟ้าแล้ว TSB ยังจะเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด (EST) ผู้ให้บริการเดินทางด้วยเรือไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย”
หากโครงการขยายการลงทุนของ TSB ครั้งนี้ เป็นไปตามที่คาดไว้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของระบบขนส่งมวลชนของประเทศไทย ที่จะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางของสายรถเมล์ได้เป็นจำนวนอย่างน้อยถึง 122 สายเข้าด้วยกัน และยังเชื่อมไปยังเรือไฟฟ้าที่ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เกิดเป็นโครงข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ในการให้บริการในวงที่กว้างจากกรุงเทพมหานคร กินพื้นที่ไปยังจังหวัดที่มีพื้นที่ต่อเนื่องทั้งหมดได้ และสามารถนำระบบเหมาค่าตั๋วโดยสารราคาถูกมาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนได้ อีกทั้งลดมลพิษจากการปรับเปลี่ยนยานพาหนะแบบเดิมที่เก่า และสร้างมลพิษ ไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีไอเสีย สะอาด ทันสมัย ไม่มีเสียงดัง ขับขี่ปลอดภัย และสามารถผลิตได้เองในประเทศไทย
ผลสำเร็จจากการดำเนินการตามแผนดังกล่าว จะเป็นหนทางที่นำไปสู่การปรับโครงสร้างของ BYD เป็นบริษัทลงทุน หรือ Holding company ในที่สุด ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนและจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 3 นี้ โดย BYD มีเป้าหมายที่จะไม่เป็นเพียงผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แต่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ในทุกๆ ด้าน และตอบแทนสังคมในวงกว้าง พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายที่จะร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนอีกด้วย น.ส.ออมสิน กล่าวปิดท้าย