xs
xsm
sm
md
lg

ธอส.แนะคนกู้ซื้อบ้านล็อกดอกเบี้ย ลุยปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งปีแตะ 3 แสนล้าน ดันส่วนแบ่งตลาดพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายฉัตรชัย ศิริไล
ธอส.เตือนคนกู้ซื้อบ้านรีบตัดสินใจล็อกต้นทุน หลังดอกเบี้ยเงินกู้ครึ่งปีหลังขึ้นแน่นอน คงไม่ได้เห็นโปรสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่ 2-3 ปีแรกอีก พร้อมดูแลพอร์ตสินเชื่อ คาดมีผลให้ภาระเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จ่อขึ้นเงินฝาก รักษาสภาพคล่อง เผยส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อบ้านพุ่ง 43.4% ใกล้เคียงพอร์ตแบงก์พาณิชย์ ลั่นปีนี้ทำผลงานได้ 2.6 แสนล้านบาท ลุ้นมีโอกาสแตะ 3 แสนล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวในงานสัมมนา "Property Inside 2022" ในหัวข้อเรื่อง "วิกฤต COVID สู่ไฟสงคราม "อสังหาฯ ไทย" จะไปทางไหน?" สถานการณ์จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลกระทบจากการขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ล้วนมีผลกระทบ ทำให้ธนาคารต้องพิจารณาถึงความสามารถในการได้รับชำระคืนสินเชื่อด้วย เนื่องจากช่วงที่เกิดโควิด-19 กระทบทำให้รายได้ประชาชนหายไป ซึ่งรัฐบาลและธอส.ได้มีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ผลกระทบใหม่ที่เข้ามา คือ ต้นทุนที่ปรับขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากพลังงาน


"ผลกระทบทั้งสอง เวลากระทบไม่ใช่กระทบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะกลุ่มกำลังซื้อระดับกลางและบนไม่ถูกกระทบมากนัก ประกอบกับช่วงโควิด อสังหาฯ มีการระบายโครงการออกมา และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการผ่อนคลายเรื่องมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือ LTV มีนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำช่วย แต่มาตรการต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาช่วยในเรื่องผลกระทบจากรายได้ที่หายไปจากโควิด ตอนนี้เราเริ่มฟื้น เรามากังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนแล้วว่าขึ้นแน่นอน จะบอกว่าไม่ขึ้นก็ฝืนความจริง

ที่ผ่านมา ดอกเบี้ยต่ำและต่ำทั่วโลก แต่ตอนนี้เป็นดอกเบี้ยขาขึ้น ถ้าถอยหลังไปที่ปี 2558 ดอกเบี้ยนโยบายเคยอยู่ที่ 1.50% การที่อยู่ระดับ 1.25-1.50% เราเคยอยู่ระดับนั้นมาแล้ว คิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมาก แต่เราขอให้ดอกเบี้ยทยอยขึ้นทีละขา นายฉัตรชัย กล่าวและแนะนำผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยว่า


ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้จะไม่มีโปรโมชันสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 2-3 ปีแรกอีกต่อไป เช่น คงที่ 2% คงที่ 3% แต่โปรโมชันสินเชื่ออาจเป็นแบบกึ่งลอยตัว โดยอ้างอิงกับดอกเบี้ย MRR ในตลาด ซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่คนไทยยังจะมีโอกาสที่เข้ามากู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและคงที่ได้อยู่ ซึ่งใครอยากจะมีบ้านต้องรีบตัดสินใจไม่เช่นนั้นดอกเบี้ยจะขึ้นแน่นอน

"ขณะที่ในฟากของ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก นั้น ต้องปรับขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษางบการเงินของธนาคาร ไม่ให้เงินฝากไหลไปสู่ธนาคารอื่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่า และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร ดังนั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์จะต้องมีการปรับขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากควบคู่กัน

"เราได้เตรียมรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ในฐานะธนาคารรัฐ เราบริหารภาวะอัตราดอกเบี้ยไม่ให้กระทบลูกค้า เช่น ไม่ปรับขึ้นแรงเท่ากับดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ การขยับไปขึ้นดอกเบี้ยอีกทีภายในต้นปี 2566 ซึ่งแนวทางดังกล่าวทำให้ธอส.อาจต้องรับภาระประมาณ 1,000 ล้านบาท" นายฉัตรชัย กล่าว


สำหรับบทบาทการสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยนั้น ธอส.มีศักยภาพในการดูแลผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง โครงการบ้านล้านหลัง มีส่วนกระตุ้นให้ภาคเอกชนผลิตที่อยู่อาศัยเข้ามาให้ผู้ซื้อ ในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งธนาคารอนุมัติไปแล้ว 50,000 ล้านบาท และจากบทบาทการเข้ามาปล่อยสินเชื่อ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ของ ธอส.เพิ่มมาอยู่ที่ 43.4% ห่างจากส่วนแบ่งของธนาคาพาณิชย์ไม่ถึง 5% และคาดว่าแนวโน้มจะเกินส่วนแบ่งการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คิดว่า หากดอกเบี้ยคลี่คลายและผลกระทบจากต้นทุนสงครามนิ่ง จะเห็นว่าธนาคารจะมีการปรับตัวอย่างไร และในอนาคตเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะกลับมามีบทบาทปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

"จะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมา ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อไป 2.26 แสนล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้ 1.54 แสนล้านบาท คาดว่าทั้งปี อาจปล่อยได้ 2.6 แสนล้านบาท หรือ 3 แสนล้านบาท แต่ต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยด้วย"


กำลังโหลดความคิดเห็น