หุ้นไทยปิดตลาด - 0.47 จุด โบรก ฯ มองตลาดกังวลเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดการณ์ ขณะที่จีนเข้มมาตรการคุมโควิด หลังเชื่อไวรัสสายพันธุ์ BA.4-BA.5 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในประเทศจีนอาจใช้นโยบายจำกัดพื้นที่ของประชาชนอีกรอบ มองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,530-1,540 จุด และแนวต้านที่ 1,565 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 11 ก.ค. 2565 ปรับตัวลดลง -0.47 จุด หรีอ -0.03% โดยปิดตลาดที่ 1,557.40 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 46,061.27 ล้านบาท โดยภาพรวม SET INDEX ในวันนี้ปรับตัวลดลงตามภูมิภาค ซึ่งระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,560.01 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,548.87 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 601 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 524 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 990 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +1,830.39 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,245.25 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า-421.19 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -163.96 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,588.70 ล้านบาท ปิดที่ 161.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,834.39 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,684.04 ล้านบาท ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
4.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,633.48 ล้านบาท ปิดที่ 102.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,000.60 ล้านบาท ปิดที่ 70.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCB ปิดที่ 102.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาทหรือ 3.29%
2.KBANKปิดที่146.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาทหรือ 1.74%
3.GPSC ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 3.04%
4.KEX ปิดที่ 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาทหรือ 4.90%
5.BGRIMปิดที่37.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาทหรือ 3.42%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CENTEL ปิดที่ 40.25 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 3.59 %
2.TQM ปิดที่ 46.75 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ3.11%
3.AEONTS ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ0.95%
4.MINT ปิดที่ 32.50 บาท ลดลง1.00 บาทหรือ 2.99%
5.TIPH ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 1.69%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,159.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด หรือ 0.14% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 955.75 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ 0.15% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 573.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.12 จุด หรือ 0.20%
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดการณ์ ขณะเดียวกันโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4-BA.5 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในประเทศจีน ทำให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง รวมถึงในประเทศเอง ก็ยังไมีมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน และมูลค่าการซื้อขายวันนี้ก็เบาบางมาก หรือทำระดับต่ำสุดของปี จากเดิมมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 4.94 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดฯ ยังปรับตัวขึ้นได้จำกัด เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหยุดทำการในวันพุธนี้ (13 ก.ค.65) เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และยังมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนวันพุธด้วย ทำให้นักลงทุนน่าจะชะลอการลงทุน ส่งผลให้ภาพตลาดยังอยู่ในภาวะพักฐาน โดยประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) ให้แนวรับไว้ที่ 1,530-1,540 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด