นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ (WIN) เปิดเผยว่า จากทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในปี 65 คาดว่าจะทำให้บริษัททำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตขึ้นจากปี 64 ทั้งในกลุ่มการเช่าพื้นที่คลังสินค้า และธุรกิจการติดตั้งและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์)
"การส่งออกปี 65 ที่ยังคงขยายตัว ประกอบกับไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะมีแรงผลักดันที่ดีขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาใช้บริการเช่าโรงงานในเขตปลอดอากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรงงานของบริษัทบนถนนบางนา-ตราด กม.52 จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นประตู่สู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ทำให้ที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น บนทำเลถนนบางนา-ตราด จึงมีศักยภาพจูงใจให้ผู้ประกอบการมาใช้บริการเช่าอาคาร โรงงานและคลังสินค้า ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการเช่าอาคาร โรงงาน และคลังสินค้า โดยปี 65 มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวปรับมูลค่าเป็น 1,101 ล้านบาท" นายจักร กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์การสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง สะท้อนผ่านค่าขนส่งต่างๆ ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กระทบต้นทุนการนำเข้า-ส่งออกภาพรวม แต่ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ของบริษัทและทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางขนส่งทำให้ขณะนี้มียอดเช่าคลังสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร และพื้นที่ทั่วไป 75% ของพื้นที่ทั้งหมด และคาดว่าจะทยอยเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับการดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาพลังงานสะอาดของบริษัทปีนี้คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้สูงขึ้นจากการเข้าไปพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และจัดจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ภายในอาคารให้ภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา
โดยในไตรมาส 2/65 มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 3 โครงการ ประกอบด้วย
1.งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
2.งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ในสถานนี ททบ.5 และบริษัท ฉะเชิงเทรา เพาเวอร์ จำกัด
3.งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ของ ททบ.5 เฟส 2-3 และสถานีเครือข่าย
บริษัทจึงคาดว่าทั้งปีจะเข้าไปดำเนินการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้งสิ้น 12 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัททยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
"เป็นความสำเร็จของบริษัทในการพัฒนาโซลาร์รูฟท็อปต้นแบบ โดยเฉพาะในการดำเนินการโครงการร่วมกับ ททบ.5 สถานีสนามเป้า ซึ่งได้มีการลงนามความร่วมมือตั้งแต่ปี 64 เพื่อรองรับจุดเปลี่ยนในเรื่องของการใช้พลังงานสะอาด โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานที่มีความคุ้มค่าต่อการลงทุนในขณะนี้ที่สถานการณ์ราคาค่าพลังงานได้ปรับตัวสูงขึ้น จากสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน ทำให้แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดเริ่มกลับเข้ามามีความต้องการสูงขึ้นในกลุ่มภาคการผลิต เพราะสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งบริษัทเตรียมพร้อมเพื่อแสวงโอกาสการให้บริการติดตั้งพลังงานสะอาด ให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีความต้องการต่อไป" นายจักร กล่าว