xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอย “บิทคับ” โดน ก.ล.ต.สั่งปรับ 11 ครั้ง เป็นเงินกว่า 43 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนรอย “บิทคับ” ยูนิคอร์นไทย โดนสำนักงาน ก.ล.ต. สั่งปรับรวมแล้ว 11 ครั้ง มูลค่าเงินค่าปรับกว่า 43 ล้านบาท กับคำถามหลักธรรมาภิบาล การดำเนินธุรกิจอยู่ที่ไหน?

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง กับผู้กระทำผิด 3 ราย ได้แก่ 1. บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บิทคับ) 2. นายอนุรักษ์ เชื้อชัย มาร์เก็ตเมกเกอร์ และ 3.นายสกลกรย์ สระกวี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด โดยปรับเป็นเงินรวมกว่า 24.16 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม >>> ก.ล.ต. ลงดาบ Bitkub ปรับ 24 ล้านบาท เหตุสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัล ตะเพิดพ้นบอร์ดบริหาร

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก พบเหตุสงสัยอาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub จึงได้ตรวจสอบโดยพบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดของบุคคล 3 ราย ร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขาย Bitkub ขณะที่นายสกลกรย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัทบิทคับ สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัทบิทคับกระทำความผิดดังกล่าว

โดยพฤติกรรมดังกล่าวเพิ่มจาก บิทคับ โดยนายสกลกรย์ ได้ทำสัญญากับนายอนุรักษ์ ให้นายอนุรักษ์ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และได้ให้นายอนุรักษ์ ยืมเงินเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า ในเดือนก.พ. 62 นายอนุรักษ์ ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC) Bitcoin Cash (BCH) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) ซึ่งเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองในศูนย์ซื้อขาย Bitkub ซึ่งการจับคู่ซื้อขายกันเองในแต่ละเหรียญดังกล่าว มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 84 – 99 ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของนายอนุรักษ์ และตั้งแต่ร้อยละ 57 – 99 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด โดยบริษัทบิทคับและนายสกลกรย์ รับทราบถึงการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายของนายอนุรักษ์ แต่ไม่ได้มีการทักท้วงการส่งคำสั่งซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของนายอนุรักษ์

การกระทำของบริษัทบิทคับและนายอนุรักษ์ เป็นความผิดฐานส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกัน เป็นความผิด 4 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ)

ส่วนการกระทำของนายสกลกรย์เป็นความผิด ในฐานะเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทบิทคับ สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัทบิทคับกระทำความผิดในกรณีข้างต้น ซึ่งต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 94 ประกอบมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกัน เป็นความผิด 4 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ)

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ดังนี้ 1. ให้บริษัทบิทคับ ชำระค่าปรับทางแพ่งขั้นสูงสุดตามกฎหมายและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8,053,764 บาท

2. ให้นายอนุรักษ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งขั้นสูงสุดตามกฎหมายและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8,053,764 บาท กำหนดมาตรการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเวลา 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

3. ให้นายสกลกรย์ ชำระค่าปรับทางแพ่งขั้นสูงสุดตามกฎหมายและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8,053,764 บาท และให้นายสกลกรย์ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ดำเนินการกับบริษัทบิทคับอย่างลูกหนี้ร่วมตามมาตรา 99 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 317/11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่แก้ไขเพิ่มฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 นอกจากนี้ ค.ม.พ. ได้กำหนดมาตรการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเวลา 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

สำหรับการกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลและการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด

ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด ส่วนเงินค่าปรับทางแพ่งที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

ระบบหลังบ้านเละ ก.ล.ต. ปรับรวม 4 ล้าน

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เจ้าของศูนย์ซื้อขาย Bitkub นับเป็นกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมมากกว่า 90% แต่มักถูกตั้งคำถามถึงการดำเนินธุรกิจแบบไม่ชอบมาพากล ขาดหลักธรรมมาภิบาล หรือแม้กระทั่งการดำเนินนโยบายสองมาตรฐาน เอาใจพวกพ้องนักลงทุนหรือพาร์ตเนอร์รายใหญ่ แต่กลับไม่เหลียวแลและเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

หากย้อนรอยพฤติกรรมของ “บิทคับ” ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการทางแพ่งและสั่งปรับมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะระบบ “หลังบ้าน” และ “การปฏิบัติการ” ที่ไม่ได้มาตรฐาน และขาดความน่าเชื่อถือ จากข้อมูล ณ วันที่ 11 มี.ค. 65 “บิทคับ” ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับแล้วจำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ดังนี้

1. ระหว่างวันที่ 2 -21 ม.ค. 64 “บิทคับ” มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ระบบรับฝากและถอนทรัพย์สิน และระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ปรับจำนวนเงิน 305,000 บาท

2.ในช่วงเดือนม.ค. 64 “บิทคับ” รายงานเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสารสนเทศที่มีความสำคัญ ประเภทระบบหยุดชะงัก (System Disruption) ต่อ ก.ล.ต. ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ประกาศกำหนด เป็นจำนวน 6 ครั้ง ปรับ 454,000 บาท

3.ระหว่างวันที่ 6 ม.ค. 64 ถึง 28 พ.ค. 64 “บิทคับ” มีระบบงานที่รองรับการรวบรวมและประเมินข้อมูลลูกค้าไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บริษัท บิทคับ ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับ 398,500 บาท

4.ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 63 ถึง 20 ม.ค. “บิทคับ” มีระบบงานที่เกี่ยวกับการรับและจัดการข้อร้องเรียน และการจัดให้มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมทั้งจำนวนและความรู้ความสามารถของบุคลากรไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับ160,500 บาท

5.ระหว่างวันที่ 8 ม.ค. 64 ถึง 19 ก.ค. 64 “บิทคับ” มีระบบงานที่ช่วยเสริมสร้างและรักษากลไกการทำงานของระบบซื้อขายให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย(surveillance) ไม่รัดกุมเพียงพอที่จะทำให้บิทคับทราบธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นการผลักดันราคาจากการแจ้งเตือนของระบบในทันที ปรับ 1,265,000 บาท

6.ระหว่างวันที่ 8 ม.ค. 64 ถึง 7 มี.ค. 64 “บิทคับ” มีระบบงานในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (compliance) ไม่รัดกุมเพียงพอที่จะทำให้บริษัท บิทคับ สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ไม่กำกับดูแลให้ฝ่ายผลิตภัณฑ์ติดตามคุณสมบัติของเหรียญดิจิทัลสกุล CTXC จึงไม่ได้ update version ของเหรียญ ทำให้เหรียญดังกล่าวที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับไม่สามารถซื้อขายได้ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น และมีการปรับตัวของราคาผิดปกติอย่างมาก ปรับ 230,500 บาท

7. “บิทคับ” ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยหยุดซื้อขายเหรียญดิจิทัลสกุล JFIN Coin (JFIN) และ Infinitus (INF) ชั่วคราว ปรับ 300,000 บาท

8.ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 64 ถึง 31 ก.ค. 64 “บิทคับ” เก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าในระบบที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเมื่อทำธุรกรรมเท่านั้น (cold wallet) น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ เป็นเวลา 33 วัน โดยปรับเป็นเงิน 858,000.00 บาท

และ 9. ระหว่างวันที่ 5 ม.ค. 64 ถึง 24 ม.ค. 64 “บิทคับ” ยินยอมให้บุคคลที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการงาน

เลือก KUB เทรดผิดหลักเกณฑ์ปรับ 15 ล้าน

แต่ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อ 5 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศเปรียบเทียบปรับคณะกรรมการบริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BO) รวมจำนวน 6 รายใน ฐานความผิดต่างๆ ได้แก่ 1.นายนิธิวัฒน์ มณีสินธุ์ 2.นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ 3.นายปิยพงษ์ โคตรชนะ 4.นายพงศกร สุตันตยาวลี 5.นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ และ 6.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งบุคคลทั้ง 5 ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BO)

อ่านเพิ่มเติม >>> ก.ล.ต.ลงดาบปรับ Bitkub และบอร์ดอ่วม 15 ล้านบาท เหตุคัดเลือกเหรียญ KUB เข้ากระดานเทรดไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

อ่านเพิ่มเติม>>>Bitkub ประกาศเดินหน้าเทรดเหรียญ Bitkub Coin ในกระดานต่อ ชี้เป็นเหรียญมีคุณสมบัติตาม Listing Rule

โดยทั้งหมดมีความผิดตามมาตรา 94 พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 5 รายดังกล่าวนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BO) แต่ได้กระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นหน้าที่พึงต้องกระทำ เป็นเหตุให้ BO คัดเลือก Bitkub Coin (เหรียญ KUB) เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเพิกถอนสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. อีกทั้งไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) ซึ่งทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการมีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 9/2565 โดยปรับเป็นเงินรายละ 2,533,500.00 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,201,000 บาท

โดยสรุป บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ยูนิคอร์นของไทยรายนี้ ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ โดนสำนักงาน ก.ล.ต. สั่งเปรียบเทียบปรับแล้ว 11 ครั้ง มูลค่าเงินค่าปรับรวมกว่า 43 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น