”สิงห์ เอสเตท” เปิดตัวโครงการ “เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับอาหาร ตั้งเป้า World Food Valley ชูแนวคิด Enriching Tomorrow ในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิตด้วยธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมชุมชน ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน คาดเริ่มรับรู้รายได้ปีนี้ ตั้งเป้าขายโครงการหมดภายใน 6 ปี สร้างรายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 2.ธุรกิจโรงไฟฟ้า และ 3.นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำหน้าที่สร้างนิคมอุตฯ ที่สร้างคุณที่ยั่งยืนให้ลูกค้า ล่าสุด บริษัทได่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจนิคมอุตฯ เชิงนิเวศ ซึ่งถือเป็นช่วงการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก และก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก ตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 ของกระทรวงอุตสาหกรรม
ในปัจจุบันประเทศไทยเรายังมีความต้องการนิคมอุตฯ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะสิงห์ เอสเตท จึงเห็นถึงโอกาสในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยเลือกพื้นที่อ่างทอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเพราะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อวัตถุดิบอาหารที่สำคัญของไทยและยังสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบนสู่ศูนย์กระจายสินค้าหลักของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นอ่างทองยังพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงเรียน แหล่งชอปปิ้ง มีแรงงานจำนวนมากรองรับการความต้องการของผู้ประกอบการ
สำหรับแนวทางในการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง ถูกออกแบบเพื่อรองรับอุตฯ อาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง บนพื้นที่โครงการ 1,776 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย กม.63 ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ห่างจากสนามบินและท่าเรือขนส่งเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมไปด้วยโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพียงพอ มั่นคง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้า 22 KV และ 115 KV รองรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการไฟฟ้าในปริมาณมากและมีเสถียรภาพสูง รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น น้ำประปา ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทางเลือก พร้อมทั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบ 5G และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาพื้นที่ค้าปลีกเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน และประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ของเราอีกด้วย โดยแบ่งเป็นพื้นที่โครงการทั้งหมด 1,776 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย 993 ไร่ พื้นที่พาณิชยกรรมพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 34 ไร่ พื้นที่สีเขียว 148 ไร่ ระบบสาธารณูปโภค 214 ไร่ อ่างเก็บน้ำ 384 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำปริมาณ 6.12 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่อุตสาหกรรมเบา 393 ไร่ ถูกจัดโซนอยู่บริเวณรอบโครงการ เพื่อความคล่องตัวของแต่ละประเภทธุรกิจ พื้นที่อุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 600 ไร่ ถูกจัดโซนพื้นที่เพื่อให้ใกล้กับแหล่งพลังงานไอน้ำเพื่อประหยัดต้นทุนในการใช้พลังงาน
“นิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทองนี้ยังมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้สังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยนำแนวคิด “Enriching Tomorrow” มาพัฒนาโครงการ ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานคาร์บอนต่ำที่เหมาะสมกับธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง”
นางฐิติมา กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจของโครงการนิคมเอส อ่างทอง นั้น บริษัทฯ วางแผนการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดภายใน 6 ปี มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับ Recurring income อีกปีละกว่า 150 ล้านบาท และในปี 2022 นี้ ตั้งเป้าขายที่ 15% ของพื้นที่ทั้งหมด คิดเป็นพื้นที่ 149 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมพร้อมรับรู้รายได้จากการขายให้โรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ อ่างทอง 2 และ 3 จำนวน 78 ไร่ ภายในไตรมาส 3 ปีนี้