ครึ่งปีแรกของปี 2565 ตลาดหุ้นไทยไม่สดใส SET Index เมื่อ 30 ธ.ค.2564 ปิดที่ 1,657.62 จุด ขณะ ณ วันที่ 24 มิ.ย.2565 SET Index ปิดที่ 1,568.76จุด ลดลง 88.86 จุด หรือ -5.36% ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมามีหุ้นน้องใหม่ (หุ้น IPO) เข้าซื้อขายในตลาด จำนวน 13 หลักทรัพย์ เมื่อสำรวจอัตราผลตอบแทนราคานับจากราคา IPO จนถึงวันที่ 24 มิ.ย.2565 พบว่า มีมากถึง 9 หลักทรัพย์ที่ยังเป็นบวก และ 4 หลักทรัพย์ที่ยังติดลบ
1.KCC (บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล) +90.54% เทียบราคา IPO 3.70 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 3.35 บาท หรือ +90.54% เริ่มซื้อขายวันที่ 5 พ.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 2,294 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 4,371 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก ปิด 9.20 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +148.65%
บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล ประกอบธุรกิจจัดหาและการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย และการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย โดยมีนาย สุชาติ บุญบรรเจิดศรี ถือหุ้นใหญ่สุด 45.82% และมีคนดังอย่าง นายนเรศ งามอภิชน ถือในลำดับ 5 ถือ 0.32%
2.BIS (บมจ.ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์) +48.33% เทียบราคา IPO 6.00 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท หรือ +48.33% เริ่มซื้อขายวันที่ 5 พ.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,884 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 2,794 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก ปิด 8.90 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +48.33%
บมจ.ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ ธุรกิจเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง โดยมีบริษัท บีไอเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัดถือหุ้นใหญ่สุด 33.03% และมีเซียนหุ้นคนดัง เสี่ยยักษ์ นายวิชัย วชิรพงศ์ ถือในลำดับ 8 ถือ 2.64%
3.PLUS (บมจ.โรแยล พลัส) +44.44% เทียบราคา IPO 4.50 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +44.44% เริ่มซื้อขายวันที่ 20 พ.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 3,015.00 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 4,355 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก (ปิด 5.50 บาท) ราคาเปลี่ยนแปลง +22.22%
บมจ.โรแยล พลัส ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ได้แก่ น้ำมะพร้าว น้ำนมมะพร้าว น้ำผลไม้ผสมเม็ดแมงลักและเมล็ดเชีย และน้ำผลไม้ผสมอื่นๆ รวมทั้งเครื่องดื่มต่างๆ โดยมี นายพลแสง แซ่เบ๊ ถือหุ้นใหญ่สุด 34.43%
4.CEYE (บมจ.ตาชำนิ) +36.01% เทียบราคา IPO 3.86บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.39 บาท หรือ +36.01% เริ่มซื้อขายวันที่ 29 เม.ย.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,042 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 1,417 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก ปิด 5.35 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +38.60%
บมจ.ตาชำนิ ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณาโดยมี น.ส.สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ถือหุ้นใหญ่สุด 41.66%
5.JDF (บมจ.เจดีฟู้ด) +30.00% เทียบราคา IPO 2.60 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 3.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.78 บาท หรือ +30.00% เริ่มซื้อขาย วันที่ 7 เม.ย.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,560 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 2,028 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก ปิด 5.50 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +111.54%
บมจ.เจดีฟู้ด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องปรุงรสอาหาร ซอส ไส้ขนม และอาหารอบแห้ง โดยมี นายธีรบุล หอสัจจกุล ถือหุ้นใหญ่สุด 21.00%
6.TKC (บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส) +29.44% เทียบราคา IPO 18.00 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 23.30 บาท เพิ่มขึ้น 5.30 บาท หรือ +29.44% เริ่มซื้อขาย วันที่ 17 ม.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 5,400 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 6,990 ล้านบาท ซื้อขายวันแรก ปิด 30.00 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +66.67%
ธุรกิจให้บริการออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษางานวิศวกรรมในสายงาน (1) ระบบโทรคมนาคม (2) ระบบสื่อสารข้อมูล และ (3) ระบบความปลอดภัยสาธารณะ โดยมีนายสยาม เตียวตรานนท์ ถือหุ้นใหญ่สุด 41.16%
7.FTI (บมจ.ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล) +3.20% เทียบราคา IPO 2.50 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 2.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ +3.20% เริ่มซื้อขาย วันที่ 19 พ.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,125 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 1,161 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 3.84 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +53.60%
บมจ.ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) ครบวงจร ได้แก่ เครื่องกรองน้ำ จำหน่ายไส้กรอง สารกรอง ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับเครื่องกรองน้ำ รวมถึงการให้บริการที่เกี่ยวข้อง โดยมี บจ.ฟังก์ชั่น กรุ๊ป ถือหุ้นใหญ่สุด 61.65%
8.PEACE (บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง) +1.00% เทียบราคา IPO 3.98 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ +1.00% เริ่มซื้อขายวันที่ 10 ก.พ.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,671 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 2,026 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 5.60 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +40.70%
บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายโดยมี น.ส.พีรชา ศิริโสภณา ถือหุ้นใหญ่สุด 12.86% และมีนักลงทุนคนดังอย่าง นายนเรศ งามอภิชน ถือในลำดับ 10 ถือ 2.48%
9.TEKA (บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง) +0.43% เทียบราคา IPO 4.60 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 4.58 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ +0.43% เริ่มซื้อขายวันที่ 15 มิ.ย.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,380 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 1,374 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 4.94 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +7.39%
บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ ซึ่งครอบคลุมงานตั้งแต่งานโครงสร้าง (Structure) งานสถาปัตยกรรม (Architecture) และงานระบบประกอบอาคารโดยมีบริษัท วานิช โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 74.99% และมีบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือลำดับ 2 ถือ 1.67%
10.PTC (บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น) -2.86% เทียบราคา IPO 3.50บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 3.40 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -2.86% เริ่มซื้อขายวันที่ 15 ก.พ.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,435.00 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 1,394 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 4.42 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +26.29%
บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับเก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง โดยมี บริษัท ไพร์มเกน โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 25.61%
11.CIVIL (บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง) -4.35% เทียบราคา IPO 4.60 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 4.40 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -4.35% เริ่มซื้อขายวันที่ 27 ม.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 3,220 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 3,080 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 4.50 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง -2.17%
บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง บริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยหลักจะเป็นโครงการในแนวราบ เช่น งานทาง งานทางรถไฟ งานท่าอากาศยาน งานเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยมีบริษัท อัศวศิริสุข โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 64.29% และ GULF INTERNATIONAL INVESTMENT (HONG KONG) LIMITED ถือในอันดับ 3 ถือ 2.86% และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ถืออันดับ 4 ถือ 1.29%
12.STP (บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์) -10.55% เทียบราคา IPO 18.00 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 16.10 บาท ลดลง 1.90 บาท หรือ -10.55% เริ่มซื้อขายวันที่ 14 มิ.ย.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 1,800.00 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 1,610 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 18.80 บาท ราคาเปลี่ยนแปลง +4.44%
บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ประกอบธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยมี น.ส.อมรรัตน์ โรจน์วงศ์จรัต ถือหุ้นใหญ่สุด 18.65%
13.BBGI (บมจ.บีบีจีไอ) -25.24% เทียบราคา IPO 10.50 บาท กับราคาล่าสุด 24 มิ.ย.65 ปิดที่ 7.85 บาท ลดลง 2.65 บาท หรือ -25.24% เริ่มซื้อขายวันที่ 17 มี.ค.65 มูลค่าตลาด ณ วัน IPO 15,183 ล้านบาท มูลค่าตลาด ณ 24 มิ.ย.65 คือ 11,351 ล้านบาท ซื้อขายวันแรกปิด 10.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBGI ทำธุรกิจ Holding Company ที่ประกอบธุรกิจดังนี้ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอล ไบโอดีเซล 2) ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยมี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สุด 45.00%
อย่างไรก็ตาม ในบรรดา 13 ตัว พบว่า มีเพียงเท่านั้น PLUS ที่ผลตอบแทนราคานับจากวัน IPO มากกว่าราคาปิดเทรดวันแรก นอกนั้นอีก 12 ตัว ราคาไหลลงต่ำกว่าราคาปิดที่เทรดวันแรก ซึ่งต้องติดตามในครึ่งปีหลัง จะมีหุ้น IPO ตัวไหนเข้ามาสร้างความคึกคักให้ตลาดหุ้นไทยอีกบ้าง