หลังจากพุ่งทะยานเป็นขาขึ้นยืดเยื้อมากว่า 1 ปี หุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ก็ปิดฉาก กลับสู่ช่วงขาลงเต็มตัว และไม่มีใครคาดหมายได้ว่าจะลงลึกไปถึงขนาดไหน
JTS เป็นหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น ราคาพุ่งทะยานจาก 1.93 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 โดยสิ้นปี 2564 ปิดที่ 131 บาท เพิ่มขึ้น 6,687% ครองความเป็นหุ้นที่ปรับตัวมากที่สุดประจำปี 2564
แต่ขึ้นปี 2565 ยังมีการลากราคาหุ้นวิ่งอย่างร้อนแรงต่อ และแม้จะถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายมากกว่า 12 ครั้งหรือมากกว่า 1 โหล เพื่อดับความร้อนแรง แต่ JTS ยังเดินหน้าต่อ จนสร้างจุดสูงสุดนับจากหุ้นเข้าซื้อขายที่ราคา 594 บาท ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวันที่ 22 มิถุนายนปีที่ผ่านมา
รวมเวลา 1 ปี 3 เดือนเศษ JTS ปรับตัวขึ้นจาก 1.93 บาท จนขึ้นมาสูงสุดที่ 594 บาท รวมปรับตัวขึ้น 592.07 บาท หรือปรับตัวขึ้น 30,677.20%
ไม่มีข่าวดีที่สนับสนุนราคาหุ้นอย่างเป็นรูปธรรม จะมีเพียงการลงทุนตั้งเหมือนขุดบิตคอยน์เท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว เพราะราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างหัวทิ่มหัวตำ จนการตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ไม่คุ้มค่าการลงทุน
ขณะที่ผลประกอบการบริษัทแม้จะเติบโต โดยปี 2563 มีกำไรสุทธิ 44.17 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิ 221.04 ล้านบาท และไตรมาสแรกปีนี้กำไรสุทธิ 96.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.04 ล้านบาท แต่ค่าพี/อี เรโช JTS สูงมาก อยู่ระดับ 340 เท่า
ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2564 หรือหลังจากสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ JTS ก็ดิ่งลงมา แม้จะตั้งหลักได้บางในบางช่วง ราคาบวกในบางวัน แต่ก็ทรุดลงต่อ โดยรอบล่าสุด ลงแรงติดต่อ 6 วันทำการ จากราคาปิด 287 บาท เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ล่าสุดวันที่ 17 มิถุนายนลงมาปิดที่ 148.50 บาท
จากราคาสูงสุดที่ 594 บาท JTS ทรุดลงมาแล้ว 445.50 บาท หรือลงมาแล้ว -75% และคงไม่ต้องตามหาเหตุผลว่าลงมาด้วยอะไร เพราะช่วงเวลาที่ถูกลากขึ้นมาปีเศษ จากระดับราคา 1.93 บาท ก็ขึ้นโดยไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
หุ้นที่สร้างกระแสตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์มาขายฝันนักลงทุน เพื่อปลุกการเก็งกำไร ตอนนี้ถูกถล่มขายจนร่วงลงมายกแผง แต่ไม่มีหุ้นเหมืองขุดบิตคอยน์ตัวไหนจะดิ่งลงแรงเท่า JTS หรือหุ้นเหมืองขุดบิตคอยน์ตัวพ่อ
แต่ลงแรงขนาดนี้ไม่ได้สร้างความสูญเสียให้นักลงทุนรายย่อยในวงกว้าง เพราะเชื่อว่า รายย่อยหรือแมลงเม่า น่าจะเผ่นออกจาก JTS หมดแล้ว ช่วงที่มีการลากราคาขึ้นมาสูงระดับยอดดอย
หรือตั้งแต่ลากผ่านทะลุ 100 บาทขึ้นไป รายย่อยทยอยขายหุ้นมาตลอดทาง เทให้เจ้ามือหรือขาใหญ่รับ จนแทบไม่มีรายย่อยเข้ามาเล่นตัวนี้ตั้งแต่ราคาระดับ 200 บาทขึ้น
เจ้ามือหรือขาใหญ่อาจกำหุ้น JTS ไว้เต็มไม้เต็มมือ ปริมาณหุ้นที่เหลืออยู่ในมือนักลงทุนรายย่อยไม่น่าจะเกิน 5% ของทุนจดทะเบียน
อวสานของ JTS ถ้าจะมีนักลงทุนรายย่อยที่เจ็บปางตายคงมีจำนวนน้อยชนิดนับรายตัวได้
แต่นักลงทุนที่ขายทำกำไร ตีหัวเจ้ามือหรือขาใหญ่แล้วเผ่นคงจะมีจำนวนมาก งานนี้เจ้ามือหรือขาใหญ่ JTS น่าจะเจ็บหนัก
เพียงแต่สิ่งที่เฝ้าจับตาคือ การเดินทางกลับบ้านเก่าของ JTS จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ราคาจะลงไปลึกสุดที่เท่าไหร่ จะถอยกลับไปส่จุดเริ่มต้นที่ราคาไม่กี่บาทหรือไม่
