หลังจากนาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งกดดันต่อตลาดทุนโดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีการลงทุนหลักในทุกตลาดปรับตัวผันผวนอย่างหนัก และ ตลาดคริปโตโดยเฉพาะ Bitcoin ที่ปรับตัวลงลงอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนหลุดต่ำกว่า $18,000 ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
Mike Novogratz มหาเศรษฐีอดีตผู้ก่อตั้งและผู้จัดการกองทุน Hedge fund และการจัดการลงทุนตลอดจนถึงนั่งควบตำแหน่ง CEO ของ Galaxy Digital ซึ่งให้บริการสถาบันและลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงด้วยชุดโซลูชั่นทางการเงินที่ครอบคลุมระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นหนึ่งในนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ออกมาตอบคำถามถึงมุมมองตลาดคริปโตผ่านทาง รายการของ Bloomberg Markets : The Close ของ Bloomberg TV ร่วมกับ Sonali Basak, Caroline Hyde, Romaine Bostick และ Taylor Riggs เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเขาให้ความเห็นว่า ภาพรวมของคริปโตในระดับมหภาค มีความผันผวนรุนแรงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งการที่คริปโตจะยังคงผันผวนรุนแรงตราบเท่าที่ FED ยังคงมาตรการดอกเบี้ยเชิงนโยบายต่อไปตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน ขณะที่ในส่วนของนักลงทุนที่มีการลงทุนแบบ Leveraged (การลงทุนโดยใช้วิธียืมเงินผู้อื่นหรือใช้เทคนิค เช่น futures, options) อาจเพิ่มสูงขึ้น เช่น Celsius หรือ Three Arrows Capital ซึ่งภาพที่สะท้อนออกมาคล้ายกันกับวิกฤติที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1998 ที่มี Long Term Capital Management ในกลุ่มนักลงทุนที่มีการกู้ยืมมาเพื่อการลงทุนที่สูงมากที่อาจเรียกได้ว่า devil level เลยทีเดียว ซึ่งผลที่จะตามมาเมื่อตลาดพากันตื่นกลัวแบบอุปทานหมู่ ก็จะเกิดการเทขายออกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาเหรียญร่วงลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
“แนวโน้มดัชนีหุ้นของสหรัฐ อาจเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4% คาดว่าจะถึง 3500 ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างเส้น 200-week moving ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นจุด Liquidation ความเสี่ยงและคริปโต แต่ถึงกระนั้นแม้ว่า Leveraged บางส่วนถูกตัดออกไปจากระบบแล้ว และอาจไม่รีเทิร์นกลับมาในเวลาอันสั้น ซึ่งผลกระทบแบบโดมิโนที่จะได้เห็นคือการล้มละลายในของบริษัทที่ไม่มีสภาพคล่องหรือเงินทุนสำรองที่ใช้หมุนเวียนเพียงพอ ซึ่งตามคาดการณ์ Bitcoin น่าจะกลับไปยืนเหนือ $20,000 และ Ethereum (ETH) ก็น่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ $1,000 ได้ ซึ่งเมื่อราคามาถึง ณ จุดนั้น กองทุน Hedge Funds จำนวนมากก็จะเข้าซื้อ Bitcoin ที่ราคานั้น และในทันที FED ก็จะน่าจะประกาศว่าที่จะหยุดการแทรกแซง"
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ FED กำลังทำอยู่นี้ เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่บีบคั้นอย่างมาก เพราะเมื่อ FED มองว่าอัตราเงินเฟ้อส่งสัญญาณเชิงลบออกมาแล้ว พวกเขาก็จะหยุดนโยบายต่าง ๆ ซึ่งเมื่อ FED หยุดการกระทำ สิ่งที่จะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโตคือ พลิกกลับมาเป็นขาขึ้น แล้วทรัพย์สิอื่น ๆ ก็เป็นขาขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
ซึ่งจากการที่ราคาของเหรียญพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ที่หลุดกลับไปแตะ $17,960 ในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ล่าสุดได้ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 700,000 บาทอีกครั้ง หลังจากที่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 17,960 ดอลลาร์เมื่อวานที่ผ่านมา
โดยข้อมูลจาก Coinmarketcap บ่งชี้ให้เห็นถึงราคาของ Bitcoin ที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 17,960 ดอลลาร์ในช่วงเวลาประมาณตี 3 (ตามเวลาประเทศไทย) ขึ้นไปแตะที่ระดับ 19,000 ดอลลาร์อีกครั้งเมื่อช่วงตี 5 ของวันนี้ ซึ่งสะท้อนการขยับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยการปรับฐานอย่างรุนแรงในรอบ 5 วันที่ผ่านมานั้น ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 18 เดือน โดยล่าสุด ณ เวลา 16.40 น.ราคา Bitcoin อยู่ที่ $20,756 หรือ 732,093 บาท ส่วนมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ $381,704,267,347 ขณะที่ BTC Dominance หรือส่วนแบ่งตลาดคริปโตอยู่ที่ 44.18% ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดคริปโต และยังคงครองตำแหน่งเหรียญพี่ใหญ่ยอดนิยมอันดับ 1 อยู่
ขณะที่ U.today ได้เปิดเผยถึงมุมมองของ Paul Krugman นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีต่อสถานการณ์ตลาดคริปโตในขณะนี้ว่า "การฟื้นตัวของราคาคริปโตที่เด้งขึ้นในขณะนี้นั้น เหมือนการกระตุกของกล้ามเนื้อศพของคนที่ตายไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันจะกลับลงไปยังจุดต่ำสุดที่เดิม"
ซึ่ง Paul Krugman ได้ออกมาโพสต์ทวีตว่า "การฟื้นตัวของราคา Bitcoin ล่าสุดเหมือนกล้ามเนื้อแมวที่ตายไปแล้วมันกระตุกเท่านั้นเอง"
ขณะที่มุมมองของ Paul Krugman สะท้อนให้เห็นว่า ในช่วงตลาดขาลงสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ มีการฟื้นตัวในระยะสั้นๆ เท่านั้น เกิดขึ้นก่อนที่ราคาจะกลับสู่แนวโน้มขาลงต่อไป ซึ่งบางตลาดอาจใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวสั้น หรือใช้เวลานาน หรืออาจไม่ฟื้นกลับขึ้นมาอีกเลยก็ได้