xs
xsm
sm
md
lg

Satang เผยมุมมอง BTC-ETH ขาลงยังไม่จบ แนะวิเคราะห์ 2 ปัจจัยไปต่อดีไหม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนให้ความเห็นถึงสาเหตุที่ราคาบิตคอยน์ (BTC) ทิ้งดิ่งหนักจนไปแตะที่ $23,839 และอีเธอเรียม (ETH) $1,215 วันนี้ (13 มิ.ย. เวลา 16.51 น.) ว่า ปัจจัยหลักเลยคือเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯ ประกาศออกมาสูงเกินคาดที่ +8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากเมื่อ 2 เดือนก่อนอยู่ที่ประมาณ $100-$110 ต่อบาเรล ขึ้นมาอยู่ที่ $105-$120 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้วันพุธที่ 17 มิถุนายน (หรือเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ของ Barclay Bank ซึ่งเป็นสาย extreme สุดด้านคาดการณ์เงินเฟ้อขณะนี้ คาดการณ์ว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง +0.75% ในการประชุมคืนวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงมองว่า FED จะยังคงขึ้นที่ +0.5% และสิ่งสำคัญที่จะต้องจับตามองคือถ้อยแถลงของ FED ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนี้ ว่า FED จะเดินหน้ามาตรการอะไรต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ได้

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งคือความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการของจีนที่เริ่มกลับมาใช้ข้อบังคับเรื่องการป้องกันไวรัสระบาดอีกครั้ง หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านอุปสงค์ หรือ Demand-side

ส่วนเหตุผลทางด้าน Technical Chart นั้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า ราคา ETH อยู่แถว $1,800-$2,000 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงมาทดสอบที่ $1,200-$1,400 ได้ไม่ยากในเวลาอันใกล้ และ BTC เองอาจจะลงไปสู่ระดับ $19,000-$21,000 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้

ขณะที่นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation ให้ความเห็นว่า ขาลงของทั้ง BTC และ ETH ยังไม่จบเพราะทั้งมุมมองของ FED ขณะนี้ และ Technical Chart ยังไปช่วยหนุนขาลงอยู่ สิ่งที่พอจะช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้ได้คือ 1) อ่านใจและวิธีคิดของ FED ให้ออก ผ่านมุมมองการวิเคราะห์ที่เราหาได้ไม่ยากใน internet แต่จงถามตัวเองเสมอด้วยว่า บทวิเคราะห์ที่อ่านนั้นมองข้ามอะไรไปบ้าง ณ ตอนนี้ FED คงสนใจว่า เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรผ่าน CPI index หรือ ดัชนีราคาของผู้บริโภค และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น

2) อ่านกราฟให้ออก ไม่ใช่แค่มอง technical chart ของ crypto เท่านั้น แต่ต้องมองไปที่ กราฟราคาน้ำมันว่าจะไปอย่างไรด้วย เพราะถ้าตอนนี้ยังอยู่แถว $117-$120 ยังคงมี trend ขาขึ้นซึ่งสามารถวิ่งไปถึง $130-$150 ได้ไม่ยาก

"นั่นหมายถึงเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1-3 เดือนนี้แน่นอน ดังนั้น FED ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของ crypto คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก ดังนั้น ไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่อง allocation risk หรือการจัดการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย” ปรมินทร์ ย้ำ และสรุปว่า ฉะนั้นถ้าจะถามว่าตลาดตอนนี้น่าลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนักเทรดประเภทใด ถ้าเป็นสายทำกำไรก็อาจทำได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการลงแบบซิกแซ็กขึ้นๆ ลงๆ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลงทุนระยะกลาง 1-3 เดือน การลงทุนใน Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังยังพอให้ผลตอบแทนได้ในท่ามกลางสภาวะเงินดอลลาร์แข็งค่าขณะนี้ หากเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาว หรือ DCA สามารถที่จะซื้อเก็บได้ทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ถึงกับต้องนั่งเฝ้าซื้อเก็บทุกสัปดาห์
กำลังโหลดความคิดเห็น