บมจ.เอส.เอ.เอฟ.สเปเชียล สตีล ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) หมวดธุรกิจอุตสาหกรรม โดยมี บล.เอเชีย เวลท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ไปใช้ในโครงการลงทุนในคลังสินค้าแห่งใหม่ รวมถึงเงินลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องการปฏิบัติงาน ประมาณ 80 ล้านบาทใช้ภายในปี 66 , ใช้สำหรับลงทุนเตาชุบแบบไนไตรติ้ง 10 ล้านบาทภายในปี 66 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการดำเนินการอื่นใดเพื่อใช้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการภายในปี 66-68
บริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทย โดยนำเข้าผลิตภัณฑ์มาจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทเหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำระดับโลก อาทิ DORRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH รวมทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องในส่วนการเลื่อยโลหะ ได้แก่ ใบเลื่อยสายพานชั้นแนวหน้าของโลก RONTGEN จากประเทศเยอรมนี และ เครื่องเลื่อยสายพานชั้นนำจากประเทศจีน CHENLONG เป็นต้น
โครงสร้างผลการดำเนินงานของบริษัท ได้จำแนกรายได้เป็น 4 ส่วนผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ 1) เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับแม่พิมพ์งานอุตสาหกรรม 2) เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับเครื่องจักรกล 3) บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ และ 4) รายได้จากการขายอื่นๆ
บริษัทมีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจใน 2 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 350 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ในปี 66 และ 67 ตามลำดับ และเริ่มการขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV)
กลยุทธ์ในการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ สำหรับกลุ่มธุรกิจ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร, พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ต่อยอดจากวัตถุดิบเหล็กกล้าเกรดพิเศษ ด้วยการจัดตั้งเครือข่าย/คลัสเตอร์สำหรับผู้ผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนโลหะต่างๆ, เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษร่วมกับกำลังการผลิตให้บริการอบชุบสุญญากาศแบบครบวงจร เพื่อให้ได้คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด
พร้อมทั้งขยายพื้นที่ในการจัดเก็บวัตถุดิบ โดยก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และเพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าใหม่, มุ่งเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 150,000,000 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 110,000,000 บาท จำนวนหุ้นชำระแล้ว 220,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้น (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ถือหุ้นในสัดส่วน 26.94% หลังการเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วนจะลดลงเหลือ 19.76% นางสาวลีนา อริยเดชวณิช ถือหุ้น 26.89% จะลดลงเหลือ 19.72% นายพิศาล อริยเดชวณิช ถือหุ้น 26.89% จะลดลงเหลือ 19.72% ทั้งนี้ รวมกลุ่มอริยเดชวณิช ถือหุ้นสัดส่วนรวม 98.75% จะลดสัดส่วนเหลือ 72.42%
ผลการดำเนินงานในปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ เท่ากับ 251.33 ล้านบาท 180.17 ล้านบาท และ 213.84 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 9.05 ล้านบาท 2.45 ล้านบาท และ 15.53 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.53% , 1.34% และ 7.23% ตามลำดับ
ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 297.33 ล้านบาท หนี้สินรวม 152.37 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 144.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการในแต่ละงวด หลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท