ตลาดหุ้นเอเชียเปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้แตะระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับรายงานที่ว่า นครเซี่ยงไฮ้ของจีนได้ประกาศมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,092.82 จุด พุ่งขึ้น 311.14 จุด หรือ +1.16%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,933.50 จุด เพิ่มขึ้น 236.14 จุด หรือ +1.14% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,141.96 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด หรือ +0.37%
บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มความหวังว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้นจะไม่ทำให้เศรษฐกิจหดตัวลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงหลังจากพุ่งแตะระดับ 6.6% ในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2525 ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี PCE ทั่วไปในเดือน เม.ย. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2563 และเมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือน เม.ย. จากระดับ 0.9% ในเดือน มี.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 5.2% ในเดือน มี.ค. โดยดัชนี PCE พื้นฐานชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน เม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน มี.ค.เช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับแถลงการณ์ของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ที่ระบุถึงมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย การลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ อนุญาตให้ผู้ผลิตทุกรายสามารถกลับมาดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป เร่งอนุมัติโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์และสนับสนุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ๆ เพิ่มโควตาการซื้อรถยนต์ ลดหย่อนภาษีการซื้อรถยนต์ และอุดหนุนผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมรถไฟ ท่าเรือ, สนามบิน และพลังงาน และสนับสนุนบริษัทต่างชาติให้เขามาตั้งสำนักงานใหญ่และศูนย์วิจัยในเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 2565 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการอุปโภคบริโภค ลดภาระของภาคเอกชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจในเซี่ยงไฮ้ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้จะผ่อนปรนข้อกำหนดการตรวจเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเป็นเวลานานถึง 2 เดือน