xs
xsm
sm
md
lg

10 หุ้นปันผล (SETHD) น่าจับตา อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ Q1/65 พุ่งกระฉูด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศงบงวดไตรมาส 1/2565 เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าโฟกัสไปยังกลุ่มหุ้นปันผล (SETHD) ที่มี 30 บริษัท พบว่า มีหลายบริษัทที่ทำผลประกอบการได้ดีมาก สามารถมีอัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิสูงเกิน 100% ถึง 4 บริษัท โดยคัดเลือกมา 10 บริษัทที่มีอัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิสูงที่สุด

1.EGCO (บมจ.ผลิตไฟฟ้า) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 603.00% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 585.46 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 4,115.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3530.35 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 179.00 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD +1.99% อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.63% P/E 12.34 เท่า P/BV 0.79 เท่า Market Cap 94,237.24 ล้านบาท 52 Week High/Low 187.00/160.00 บาท

บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 เนื่องด้วยมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำเทิน 1 (EGCO ถือหุ้น 25%) กำลังการผลิตติดตั้ง 650 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างแล้ว 98.85% รวมถึงโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อของไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค (TPN) กำลังการขนส่ง 5,443 ล้านลิตรต่อปี (EGCO ถือหุ้น 44.6%)

2.WHA (บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 387.03% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 134.71 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 656.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 521.36 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 3.16 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD -10.23% อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.17% P/E 15.18 เท่า P/BV 1.53 เท่า Market Cap 47,232.00 ล้านบาท 52 Week High/Low 3.78/2.98 บาท

แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 คาดจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ตามสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มคลายตัวเนื่องจากคาดว่าจะสามารถขายที่ดินและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าต่างชาติได้เพิ่มมากขึ้น โดยในไตรมาส 1/2565 มียอดขายที่ดิน (Land Sale) จำนวน 36 ไร่ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายขอโอนในมือ (Backlog) อยู่ที่กว่า 400 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 396 ไร่ และเวียดนาม 4 ไร่

3.BPP (บมจ.บ้านปู เพาเวอร์) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 182.19% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 1,034.16 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 2,918.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,884.17 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 15.90 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD -7.56 % อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.09 % P/E 9.67 เท่า P/BV 1.00 เท่า Market Cap 48,458.93 ล้านบาท 52 Week High/Low 20.30/15.30 บาท

บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า Combined Cycle Gas Turbine เพิ่มเติมในรัฐเทกซัสของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้าง Economies of Scale รวมทั้งการลงทุนเกี่ยวกับ Energy Technology เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable) หรือ แบตเตอรี่ เพื่อเสริม Portfolio และ Ecosystem ของกลุ่ม บมจ.บ้านปู (BANPU) ในรัฐเทกซัส ขณะเดียวกัน ยังมองโอกาสขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ

4.BCPG (บมจ.บีซีพีจี) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 160.44% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 523.36 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 1,363.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 839.68 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 11.80 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD -1.67% อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.71% P/E 11.98 เท่า P/BV 1.19 เท่า Market Cap 34,150.35 ล้านบาท 52 Week High/Low 15.40/11.10 บาท

บริษัทคาดว่าในไตรมาส 2/2565 น่าจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะได้มีการทยอยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 45 เมกะวัตต์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน การเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ จะช่วยทำให้มีปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมด 1,108 เมกะวัตต์

5.SPALI (บมจ.ศุภาลัย) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 58.93% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 741.08 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 1,177.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 436.74 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 20.40 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD -10.13% อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.12% P/E 5.30 เท่า P/BV 0.92 เท่า Market Cap 43,718.82 ล้านบาท 52 Week High/Low 23.60/19.70 บาท

บริษัทคาดแนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งหลังของปี 65 มั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นและสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.05 หมื่นล้านบาท ประกอบกับยังมีการโอนโครงกางในช่วงครึ่งปีแรกเข้ามาต่อเนื่อง โดยที่จะมีโครงการที่คาบเกี่ยวโอนมาในช่วงครึ่งปีหลัง 2 โครงการ เริ่มส่งมอบช่วงต้นเดือน มิ.ย.65 จึงเชื่อว่ายอดโอนจะทำได้เป้าหมาย 2.9 หมื่นล้านบาท

6.KTB (บมจ.ธนาคารกรุงไทย) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 57.40% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 5,578.44 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 8,780.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,201.90 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 15.00 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD +13.64% อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.79% P/E 8.46 เท่า P/BV 0.58 เท่า Market Cap 209,640.92 ล้านบาท 52 Week High/Low 15.30/9.90 บาท

โบรกฯ ปรับประมาณการกำไรในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.1% จากปีก่อน และทำให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นด้วยเป็น 16 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า KTB ยังมีความโดดเด่นทางด้านสินเชื่อภาครัฐ และมีปันผลโดดเด่นด้วย อีกทั้งการดำเนินงานหลักจะดีขึ้นจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น

7.KKP (บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 40.52% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 1,462.68 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 2,055.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 592.67 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 70.75 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD +18.41% อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.17% P/E 8.67 เท่า P/BV 1.13 เท่า Market Cap 59,907.64 ล้านบาท 52 Week High/Low 76.25/49.75 บาท

KKP และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ซื้อหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH จำนวน 71.96 ล้านหุ้น โดยเป็นการซื้อจากนายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ทำให้ถือหุ้นรวมเพิ่มเป็น 72.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.11%

8.QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 35.66% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 431.09 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 584.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.72 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 2.26 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD ไม่มีการเปลี่ยนแปลง % อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.42% P/E13.28 เท่า P/BV0.88 เท่า Market Cap 24,214.50 ล้านบาท 52 Week High/Low 2.44/2.12 บาท

โบรกฯ มองโมเมนตัมกำไรของ QH จะยังคงเร่งตัวขึ้น YoY จากการจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องใน 2Q65 และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ QH มีแผนจะเปิดโครงการแนวราบใหม่หนึ่งโครงการใน 2Q65 ได้แก่ Q District ชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการรวม 1.3 พันล้านบาท โดยรวมแล้วเรายังมีมุมมองเป็นกลางต่อ QH จากการดำเนินกลยุทธ์แบบอนุรักษนิยมไปตลอดปี 2565

9.AP (บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 23% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 1,402.75 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 1,729.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.16 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 11.10 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD +16.23% อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.50% P/E 7.17 เท่า P/BV 1.02 เท่า Market Cap 34,919.48 ล้านบาท 52 Week High/Low 12.00/7.45 บาท

ไตรมาส 2/65 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่า 1.62 หมื่นล้านบาทซึ่ง ณ วันที่ 30 เม.ย. 65 บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้นมูลค่า 1.61 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 2.62 พันล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 3.13 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมาย 4.7 หมื่นล้านบาท

10.TTB (บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 14.84% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 คือ 2,781.96 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 คือ 3,194.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412.94 ล้านบาท ราคาล่าสุด ณ 27 พ.ค.2565 ปิด 1.26 บาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา YTD -14.29% อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.02% P/E 11.18 เท่า P/BV 0.57 เท่า Market Cap 121,744.82 ล้านบาท 52 Week High/Low 1.50/0.95 บาท

ไตรมาสนี้ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 4,808 ล้านบาท ลดลง 12.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งระดับของสำรองนี้สะท้อนรูปแบบการบริหารความเสี่ยงสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากกการแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น และมีการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้มีแนวโน้มที่ดีของความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้ง 10 บริษัท มี 4 บริษัทผลตอบแทนราคา YTD ที่เป็นบวก สอดคล้องกับงบที่ออกมาดี ส่วนอีก 5 บริษัทผลตอบแทนราคา YTD ยังติดลบ และมี 1 บริษัทที่ยังไม่การเปลี่ยนแปลง


กำลังโหลดความคิดเห็น