หุ้นไทยปิดตลาด +8.55 จุด โบรก ฯ ชี้ ตลาดคลายกังวลอัตราการดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังผลประชุมเดือน พ.ค. ไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งมีแรงหนุนเข้าซื้อในหุ้นกลุ่มเปิดเมืองและสถาบันการเงิน แนะจับตาตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะออกมาในช่วงสุดสัปดาห์นี้โดยเฉพาะดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,643 จุด และแนวรับที่ 1,625 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 26 พ.ค. 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.55 จุด หรือ +0.53% โดยปิดตลาดที่ 1,633.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,370.04 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,636.02 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,629.31 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 905 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 598 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 751 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +3,387.15 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +522.57 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,279.70 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -630.03 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,971.29 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,678.85 ล้านบาท ปิดที่ 26.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,698.05 ล้านบาท ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,497.29 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,485.61 ล้านบาท ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 2.89%
2.MTC ปิดที่ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 6.78%
3.SAWAD ปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 4.41%
4.JMT ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.65%
5.ADVANCปิดที่ 222.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.91%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BDMS ปิดที่ 26.00 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 3.70%
2.TOP ปิดที่ 56.00 บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.32%
3.CPN ปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.22%
4.STGT ปิดที่ 20.10 บาท ลดลง 0.60 บาทหรือ 2.90%
5.MEGA ปิดที่ 53.00 บาท ลดลง 0.50 บาทหรือ 0.93%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,236.78 จุด เพิ่มขึ้น 14.30 จุด หรือ 0.64% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 983.09 จุด เพิ่มขึ้น 5.63 จุด หรือ 0.58% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 646.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ 0.68%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในแดนบวกทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังรายงานการประชุมเดือน พ.ค.ไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นครั้งละ 0.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค.65
นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรต่างๆ ของภาครัฐ และ กลุ่มการเงินที่คลายกังวลการดำเนินนโยบายทางการเงินของเฟด ส่งผลให้ดัชนี SET สามารถขึ้นมายืนเหนือค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,630 จุดได้
อย่างไรก็ตาม แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะออกมาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ คือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน เม.ย. โดยตลาดคาดว่าจะปรับลดลง หากเป็นไปตามคาดจะช่วยหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปต่อได้ ขณะที่แนวโน้มวันพรุ่งนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับที่ 1,625 จุด และ แนวต้านที่ 1,643 จุด