มีคนในแวดวงตลาดหุ้นส่งข้อมูลการให้ความการเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การเป็นนักวิเคราะห์ของนายรณกฤต สารินวงศ์ อดีตนักวิเคราะห์หุ้นชื่อดัง เคยสังกัดโบรกเกอร์หลายแห่ง พร้อมกับตั้งคำถาม
ทำไมนายรณกฤต จึงไม่ถูกพักใบอนุญาตการเป็นนักวิเคราะห์ ในเมื่อถูก ก.ล.ต.ลงโทษปรับ ในความผิดร่วมกันเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน 2 แห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับบริษัท ในลักษณะที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหุ้นหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น
เพราะบุคลากรในตลาดทุนเมื่อกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ หรือผิดกฎ ก.ล.ต. นอกจากถูกลงโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรือทางอาญาแล้ว ยังถูกขึ้นบัญชีดำ พักใบอนุญาตการเป็นบุคลากรในตลาดทุนด้วย
กรรมการ หรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหากกระทำผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เมื่อถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษหรือใช้มาตรการทางแพ่งลงโทษปรับ จะถูกห้ามเป็นกรรมการในบริษัทจดทะเบียนควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำในคดีปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น หรือยักยอกทรัพย์บริษัทจดทะเบียน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหรือมาร์เกตติ้ง รวมทั้งผู้ให้คำแนะนำการลงทุน ถ้ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ หรือผิดกฎ ก.ล.ต. จะถูกพักใบอนุญาต ขึ้นอยู่ว่าจะทำความผิดร้ายแรงขนาดไหน
ถ้าความผิดไม่ร้ายแรง อาจพักใบอนุญาต 3 เดือน หรือ 6 เดือน แต่ถ้าทำความผิดร้ายแรง อาจพักใบอนุญาตยาวนานถึง 10 ปี และนักวิเคราะห์หุ้นบางคนที่ร่วมแก๊งปั่นหุ้น นอกจากถูกลงโทษปรับอย่างหนักแล้ว ยังถูกพักใบอนุญาตการเป็นนักวิเคราะห์ถึง 10 ปี
แต่นายรณกฤต กลับไม่ถูกพักใบอนุญาตการเป็นนักวิเคราะห์หุ้นแต่อย่างใด ทั้งที่ถูก ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง สั่งปรับกว่า 1.5 ล้านบาท
ตามข้อมูลของ ก.ล.ต. นายรณกฤต ได้รับความเห็นชอบการเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค และนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2546 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ทั้งที่สถานภาพการเป็นนักวิเคราะห์น่าจะสิ้นสุดลงหลังถูก ก.ล.ต.ประกาศลงโทษ
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ก.ล.ต.ได้สั่งปรับนายรณกฤต จำนวน 1.58 ล้านบาท และบริษัท เดอะ มิลเลี่ยน ลิงค์ จำกัด เจ้าของเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์มิติหุ้น จำนวน 1.08 ล้านบาท รวมทั้ง น.ส.พัชรนันท์ สิงหรา บรรณาธิการบริหารร่วม จำนวน 1.08 ล้านบาท
ในความผิดร่วมกันเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ของหนังสือพิมพ์มิติหุ้น เกี่ยวกับบริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH และบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC ที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับบริษัทในลักษณะที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหุ้นหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหุ้น JCKH และ RPC
และนายรณกฤต ยังได้เผยแพร่ข้อความในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับ RPC ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า “Deknaew Zecret” ด้วย
ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2562 ทั้ง 3 ราย ได้ร่วมกันเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับ JCKH บนเว็บไซต์ mitihoon.com และหนังสือพิมพ์มิติหุ้นออนไลน์ มีเนื้อหาว่ามีบุคคลเข้าไปเจรจาขอซื้อกิจการทั้งหมดของ JCKH โดยอยู่ในขั้นตอนการดูรายละเอียดต่างๆ
หากกระบวนการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นจะส่งผลให้ JCKH มีศักยภาพในการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 มีเนื้อหาว่า JCKH จะถูกเข้าซื้อกิจการเพราะกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง JCKH ได้ปฏิเสธข้อความที่เผยแพร่ และจากการตรวจสอบพบว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความ
นอกจากนี้ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ได้ร่วมกันเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับ RPC ใน Line Official ของหนังสือพิมพ์มิติหุ้นว่า ให้จับตา RPC พร้อมซิลลิ่ง ผู้ถือหุ้นซุ่มทำดีลขายหุ้นกว่า 30% ให้บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อินโด โดยในวันและเวลาเดียวกัน นายรณกฤต ยังได้เผยแพร่ข้อความลักษณะเดียวกันในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า “Deknaew Zecret” อีกช่องทางหนึ่งด้วย ซึ่ง RPC ได้ปฏิเสธข้อความที่เผยแพร่ และจากการตรวจสอบพบว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความ
บริษัท เดอะ มิลเลี่ยน ลิงค์ จำกัด ให้บริการโดยเก็บค่าสมาชิกในกลุ่ม Line พิเศษของหนังสือพิมพ์มิติหุ้นด้วย โดยสมาชิกจะได้รับข้อมูลที่จะมีการเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์มิติหุ้นออนไลน์ล่วงหน้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบผู้ลงทุนที่เป็นสมาชิกบางรายมีการซื้อขายหุ้น JCKH หรือ RPC โดยได้รับกำไร
การเป็นนักวิเคราะห์แต่กลับเต้าข่าวกระตุ้นราคาหุ้น เพื่อให้สมาชิกที่จ่ายเงินให้กลุ่มตนเองได้ประโยชน์ จนถูก ก.ล.ต.ลงโทษ นำไปสู่คำถามว่า เหตุใดนายรณกฤต เจ้าของฉายา “เด็กแนว” จึงไม่ถูกขึ้นบัญชีดำ และถูกพักใบอนุญาตการเป็นนักวิเคราะห์ เหมือนที่ ก.ล.ต. ลงโทษบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์รายอื่นๆ ที่กระทำความผิด
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนในแวดวงนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงตั้งข้อสงสัยการลงโทษผู้กระทำความผิดในตลาดหุ้น
เพราะคดี “เด็กแนว” ดูเหมือนว่า ก.ล.ต.จะมีบทลงโทษ 2 มาตรฐาน